"รมว.คมนาคม" สั่งตั้งคณะทำงานเร่งทุกขั้นตอนผลักดันรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทุกสีทุกสายให้ทัน ก.ย.68 พร้อมลุยคลอดกฎหมาย ชี้ 2 ปี คาดใช้เงิน 1.6 หมื่นล้าน ยังติดปมหากกม.ไม่ผ่าน จะใช้เงินอุดหนุนสายสีเขียวไม่ได้
เมื่อวันที่ 10 ก.ย.67 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้เตรียมตั้งคณะทำงานเพื่อเร่งรัดการดำเนินงานในรายละเอียดต่างๆ ที่จะทำให้นโยบายมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายเกิดขึ้นได้จริง กับรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทุกสีทุกสายตามเป้าหมายในเดือน ก.ย.68 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน หลังจากก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.66 กระทรวงคมนาคมนำร่องมาตรการดังกล่าวกับรถไฟฟ้าแล้ว 2 สาย ได้แก่ รถไฟชานเมืองสายสีแดง(รถไฟฟ้าสายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ปริมาณผู้โดยสารทั้ง 2 สายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการมีคณะทำงานและมอบหมายแบ่งกันติดตามดูแลรายละเอียดในแต่ละเรื่องว่าติดตรงไหน อย่างไร จะทำให้งานเดินหน้าได้เร็วขึ้น อาทิ การผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และการจัดหาเงินเข้ากองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม สิ่งเหล่านี้ต้องเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะร่างกฎหมายตั๋วร่วม ต้องพยายามผลักดันให้มีผลบังคับใช้ก่อนเดือน ก.ย.68 เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะสนับสนุนการดำเนินงาน และลดข้อจำกัดจากสัญญาสัมปทานเดิม ซึ่งเวลานี้การผลักดันร่างกฎหมายอาจล่าช้าไปประมาณ 1 เดือน เนื่องจากมีการเปลี่ยนรัฐบาล
นายสุริยะ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ากว่ากฎหมายแต่ละฉบับจะมีผลบังคับใช้ได้ต้องผ่านหลายกระบวนการ ทั้งการตรวจร่างกฎหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา(สคก.) ซึ่งจากที่ตนประสานขอหารือกับสคก. ระบุว่าต้องใช้เวลาตรวจประมาณ 4 เดือน โดยตนเกรงว่าจะช้าเกินไป และไม่ทันกับเป้าหมายที่วางไว้ ทาง สคก. ก็รับจะช่วยเร่งรัดในการดำเนินการให้ ขณะเดียวกันต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) ใหม่ และเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย และประกาศใช้บังคับกฎหมายดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายกับรถไฟฟ้าทุกสีได้ภายในเดือน ก.ย.68 ตามที่ได้เคยประกาศไว้ ทั้งนี้จากการสอบถามกรมการขนส่งทางราง(ขร.) พบว่าหากดำเนินมาตรการดังกล่าวกับรถไฟฟ้าทุกสีทุกสายตั้งแต่เดือน ก.ย.68 จนครบวาระรัฐบาล ซึ่งเหลืออีกประมาณ 2 ปี ต้องใช้เงินสนับสนุนมาตรการดังกล่าวปีละประมาณ 8 พันล้านบาท หรือ 2 ปี ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท โดยเบื้องต้นเงินที่จะสมทบเข้ากองทุนฯตั๋วร่วม จะนำเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ซึ่งเป็นเงินส่วนแบ่งรายได้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มาสมทบเข้ากองทุนฯ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยทาง รฟม. ก็ยินดี
นอกจากนี้ จะหาเงินสมทบจากแหล่งเงินอื่นด้วยอาทิ กองทุนอนุรักษ์พลังงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตามเรื่องเงินสมทบเข้ากองทุนฯตั๋วร่วม ไม่น่ามีปัญหา โดยเงินในส่วนของ รฟม. ทางกระทรวงคมนาคมได้ตรวจสอบกับ สคก. แล้วว่าสามารถดำเนินการได้ แต่จะมีปัญหาว่าหากร่างกฎหมายตั๋วร่วมยังไม่ประกาศใช้ จะไม่สามารถนำเงิน รฟม. มาใช้สนับสนุนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้ จะใช้เงินดังกล่าวได้กับรถไฟฟ้าภายใต้การกำกับดูแลของรฟม. เท่านั้น ดังนั้นจึงต้องมีคณะทำงาน เพื่อเข้าไปเร่งรัดในรายละเอียดต่างๆ ทุกจุดให้กฎหมายประกาศใช้โดยเร็ว โดยหากพบว่ายังมีปัญหาจุดใด ตนจะได้เข้าไปช่วยเร่งรัดและแก้ปัญหา