"ภูมิธรรม" เผย 17 ก.ย.ทยอยแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ให้อำนาจ"นายกฯ" เคาะโฆษกรัฐบาล หลังมีข่าวสะพัด"จักรภพ เพ็ญแข"เต็งจ๋า “ไพบูลย์" บอกแค่ข่าวโคมลอย หลัง "พปชร." ถูกโยงอยู่เบื้องหลังเกมนิติสงคราม จ้องล้ม รัฐบาล'แพทองธาร' มอบ“สุธรรม-อัคร” ประสานวิปฝ่ายค้าน จ่อชำแหละนโยบายรัฐ 10 เรื่อง ด้าน'เฉลิมชัย'ประกาศลั่นนำพา “ปชป.”หักปากกาโพล
เมื่อวันที่ 10 ก.ย.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และกลาโหม กล่าวถึงการแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องนี้ต้องถาม น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตนคิดว่าในวันที่ 17 ก.ย. ตำแหน่งต่างๆก็จะทราบกันแล้ว ว่าจะแต่งตั้งใครบ้าง เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ สมัย นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ จะมาเป็นโฆษกรัฐบาล มีความเป็นไปได้อย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบเลย ต้องรอน.ส.แพทองธาร เนื่องจากเป็นหัวหน้าสูงสุด ก็ต้องมีการคุยกัน ก่อนที่นายกฯจะให้ความเห็น
เมื่อถามว่า ตำแหน่งข้าราชการการเมืองทั้งที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยรัฐมนตรี จะชัดเจนในวันนั้นเลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเสร็จทีเดียว ในส่วนไหนที่พร้อมหรือดำเนินการเสร็จก่อนก็มีมติแต่งตั้งได้ก่อน ในส่วนไหนที่ยังไม่พร้อมก็แต่งตั้งภายหลังเหมือนทุกครั้ง ก็เป็นการแต่งตั้งไล่ไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามในส่วนข้าราชการการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับตนก็ยังคิดอยู่ ว่าจะเลือกที่ปรึกษา เลขานุการ และผู้ช่วยรัฐมนตรีอย่างไรกำลังพิจารณา
เมื่อถามว่า ข้าราชการการเมืองจะให้พรรคเลือกหรือรัฐมนตรีเลือกเอง นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับกระทรวงตนก็เลือกจากที่ตนได้ดู ส่วนพรรคเพื่อไทย จะเสนอใครมา ก็รับฟังได้ ค่อยมาปรับคุยกัน ทั้งนี้ เราไม่ได้คิดว่าจะเอาคนของใคร นั่งไปดูแลผลประโยชน์ ของตัวเราเอง เป็นเรื่องของการหาคนที่เหมาะสมไปนั่งทำงาน และ เข้ากับเหล่าทัพต่างๆได้ หน้าที่ของกระทรวงกลาโหมพยายามประสานเหล่าทัพเพราะแต่ละเหล่าทัพก็มีขอบเขตหน้าที่ของท่านอยู่แล้ว
นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีสื่อรายการหนึ่งออกมาแฉ มีกระบวนการทำนิติสงครามกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ซึ่งมีการเชื่อมโยงมาถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่า เป็นข่าวโคมลอย ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เมื่อถามย้ำว่า มีการออกมาพูดว่ากระบวนการดังกล่าว ต้องได้รับการอนุมัติจากคนที่ตัวสูง ผิวขาว ใส่แว่น ซึ่งประจวบเหมาะกับบุคคลภายในพรรค นายไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวก็ปฏิเสธได้สมบูรณ์แบบ ยืนยันว่าตนไม่เคย เรื่องดังกล่าวเป็นข่าวปลอม
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเอาผิดกับคนที่นำเอาเรื่องนี้มาเปิดโปงหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องอะไรทั้งนั้น ยืนยันว่าเราไม่ทำอย่างนั้น เมื่อถามถึงกรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปยื่นร้องให้ตรวจสอ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม นายไพบูลย์ กล่าวว่า นายเรืองไกรทำในนามส่วนตัว ไม่ใช่ในนามพรรค
นายไพบูลย์ ยังได้กล่าวถึงการเตรียมการอภิปรายในวันแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาวันที่ 12 ถึง 13 ก.ย.นี้ ว่า กรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายให้ นายสุธรรม จริตงาม ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายอัคร ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวแทนประสานงานกับนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประฐานวิปฝ่ายค้าน นอกจากนี้ มอบให้นายชัยมงคล ไชยรบ เป็นผู้เตรียมการข้อมูลอภิปราย
ผู้สื่อข่าวถามถึงการจัดการเวลาระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้านที่รัฐบาลมอบเวลาให้ โดยแบ่งเป็นคนละครึ่ง นายไพบูลย์ กล่าวว่า ขอให้ ส.ส.ไปประสานงาน เพราะส่วนตัวเป็นกรรมการบริหารพรรค ต้องมอบให้ผู้รับผิดชอบ ส่วนประเด็นในการอภิปรายที่จะซักฟอก นานไพบูลย์ เผยว่ามีประมาณ 10 ประเด็น แต่รอให้มีการประสานกันที่สภาผู้แทนราษฎร
ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวเสริมว่า ตนขอแสดงความเห็นใจนายกฯ เพราะเพิ่งรับตำแหน่งก็มีหลายคนจองกระถิน ทั้งนี้ ประเทศไทยปกครองด้วยนิติรัฐ ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก เพราะฉะนั้น การที่ผู้ใดกระทำการโดยไม่ยึดกฎหมาย บุคคลใดก็สามารถดำเนินการกับผู้กระทำผิดคนนั้นได้ ดังนั้นสิ่งที่นายกหรือรัฐบาลควรทำคือเลี่ยงการกระทำที่ผิดกฎหมาย
พล.ต.ท.ปิยะ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และอดีตรมว.เกษตรและสหกรณ์ ร่วมแถลงข่าวกับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์คนใหม่ ถือว่า ผิดกฎหมายมาตรา 185 ของรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจเป็นผู้นำฝ่ายบริหารต้องพิจารณาว่าการดำเนินการดังกล่าวผิดตามมาตรา 185 แห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัสยังเป็นส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐอยู่ คงจะมีการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับพรรคต่อไป วันนี้คณะกรรมการบริหารพรรคมีการพูดคุย ส.ส.พรรคพลังประชารัฐที่กระทำผิดข้อบังคับจะถูกพิจารณาตามหลักฐานและพฤติกรรมที่ปรากฏ มี นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 3-4 ท่าน ร่วมกันพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ส่วนผลจะเป็นอย่างไรจะต้องรอ เพราะเพิ่งตั้งคณะทำงานในวันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้จะส่งผลสั่นคลอนต่อรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า นายกฯ ต้องพิจารณา เพราะไม่ใช่หน้าที่ของพรรคพลังประชารัฐ นายกฯเป็นผู้นำประเทศ ผู้บริหารรัฐบาลจะต้องทำตามกฏหมายโดยเคร่งครัด หากรัฐมนตรียอมให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดมาครอบครอง ครอบงำ หรือครอบครัว มันผิดกฎหมายชัดเจน ไม่ใช่แค่ในเรื่องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะร้อง แต่ก็มีคนอื่นอีกเป็นร้อยเป็นพันมาร้อง ถ้าทำผิดกฏหมายอยู่เรื่อย ๆ ก็จะมีคนแจ้งความหรือดำเนินคดีต่อไปเรื่อยๆ
วันเดียวกันนี้ ที่พรรคพลังประชารัฐ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เป็นประธานในพิธีสักการะศาลพระพรหม ซึ่งประดิษฐานด้านหน้าอาคารและมีพิธีทำบุญพระสงฆ์ ที่มีการสวดบทพระปริตร เจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเสริมสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองในวาระที่พรรคได้มีคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค นายอภิชัย เตชะอุบล รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย กรรมการบริหารพรรคและโฆษกพรรค พร้อมพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค รวมถึงกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกพรรค เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
โดย พล.อ.ประวิตร ได้เดินทักทายและขอบคุณสมาชิกพรรคที่มาร่วมพิธี หลังประกาศเดินหน้าขับเคลื่อนพรรคสู่การเป็นสถาบันการเมืองที่มั่นคง พร้อมดูแลพี่น้องประชาชน ภายใต้อุดมการณ์ "ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส"
ส่วน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีสีหน้ายิ้มแย้ม พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับผู้สื่อข่าว พร้อมตอบคำถามถึงกรณีพ้นจากคณะรัฐมนตรี ว่า ไม่เสียกำลังใจเลย ทำให้แล้ว เป็นแล้วก็ดีแล้ว เรื่องการปรับ ครม. เป็นเรื่องปกติเลย การเมืองก็อย่างนี้แหละ ไม่น้อยใจ ดีใจสะด้วยเพราะอายุเยอะแล้ว แต่หลังจากนี้ตนมาอยู่แล้วช่วยพล.อ.ประวิตรทำงาน
ขณะที่ ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถือฤกษ์ 07.30 น. สวมชุดผ้าไทยสีเขียวอ่อน เดินทางเข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำพรรคด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนเดินทางเข้าปฏิบัติหน้าที่ยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นวันแรก
โดยมีบรรดา ส.ส. อดีตส.ส. และ กรรมการบริหารพรรค มาให้กำลังใจ มอบช่อดอกไม้ ตั้งแต่ นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข เลขาธิการพรรค นายนริศ ขำนุรักษ์ รองหัวหน้าพรรค นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราชและรองหัวหน้าพรรค , นายพิทักษ์เดช เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช , นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส. อุบลราชธานี , นายสมยศ พลายด้วง ส.ส.สงขลา , นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ ส.ส. ประจวบคีรีขันธ์
จากนั้น นายเฉลิมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายในการทำงานในตำแหน่ง รมว.ทส. ว่า วันนี้ตนจะได้เข้าทำงานเป็นวันแรก และคงจะไปทำความเข้าใจถึงแนวทางการทำงานกับข้าราชการ โดยจะไปดูภารกิจหลักของกระทรวง ซึ่งตนมีความตั้งใจว่า 1.เข้าไปแก้ปัญหา ลดความขัดแย้ง ระหว่างรัฐกับชาวบ้าน 2.เร่งรัดการกำหนดแนวเขตแดนป่าไม้ และเขตอุทยาน โดยจะขอเข้าไปดูในรายละเอียดก่อน
"ผมเข้าใจว่าวันนี้ทุกคนกำลังจับตาดูอยู่ ผมก็จะทำให้ดีที่สุด แต่วันนี้ยังไม่รู้ว่าต้นตอ ความลึกตื้นของปัญหาเป็นอย่างไร วันนี้เราต้องมาดูว่าอะไรคือกฎหมาย อะไรคือความเดือดร้อนของชาวบ้าน แล้วมาแยกแยะตรงนั้น กฎหมายต้องใช้บังคับ มนุษยธรรมก็ต้องมี" นายเฉลิมชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเตรียมให้คะแนนการทำงานของรัฐมนตรีของพรรคไว้อย่างไรบ้าง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า มีแค่ 2 คน ตนขอยืนยันว่าทุกคนจะทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนประเมินเราก็ทำอยู่ในตัวอยู่แล้ว "ถ้าอยากจะเห็นพรรคประชาธิปัตย์เดินไปข้างหน้าด้วยใจที่บริสุทธิ์จริง มาให้กำลังใจกัน แนะนำกัน ผมว่าพวกเราทุกคนพร้อมจะรับฟัง มาช่วยกันทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้า พรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นเรื่องเล็ก ประเทศถึงจะเป็นเรื่องใหญ่"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้รู้สึกมีความกดดันหรือไม่ หลังจากที่มีผลโพลผลสำรวจออกมา และถือเป็นบทบาทที่ท้าทายที่จะเรียกศรัทธากลับคืนมาหรือไม่ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้เรารับฟังทุกความคิดเห็นจะดี จะร้าย จะชมหรือด่า เราต้องรับฟังในฐานะหัวหน้าพรรค เราจะต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำได้ ในชีวิตคนๆ หนึ่ง หรือชีวิตองค์กรๆ หนึ่ง ในชีวิตของเขาทำได้ดีที่สุดในชีวิต คือดีที่สุด ไม่มีที่สุดๆ ไม่มีหรอก สำหรับโพลนั้นตนขอขอบคุณที่ให้ความสนใจพรรคประชาธิปัตย์ เราก็รับฟังความคิดเห็นและมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นและเราจะขับเคลื่อนอย่างไร
"มีสิ่งหนึ่งที่ผมตั้งใจไว้ ไม่อยากพูดหรอก คิดไว้ในใจ คิดไว้อยู่ตลอดในฐานะเป็นหัวหน้าองค์กรว่า เคารพในผลโพล เคารพในความคิดเห็น แต่ผมจะหักปากกาโพลให้ดู" นายเฉลิมชัย กล่าว
ต่อมา ในเวลา 08.00 น. นายเฉลิมชัย เดินทางถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยมีข้าราชการกระทรวงฯ ให้การต้อนรับ จากนั้นได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ พร้อมให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ในเรื่องการแก้ปัญหาที่ดิน สปก. ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอให้ได้พูดคุยกับผู้รับผิดชอบโดยตรงก่อน เรามาเพื่อแก้ปัญหาไม่ได้สร้างปัญหา ตนเองอยู่กระทรวงเกษตรก็ทราบปัญหานี้มาบ้าง พอมาอยู่กระทรวงทรัพยฯ ก็จะใช้ความสัมพันธ์ตรงนี้มาแก้ปัญหาข้อผิดพลาดของที่ดิน ขณะที่ส่วนการเยี่ยมกรมในสังกัด ถ้ามีเวลาก็จะไปเยี่ยม ถ้าไม่มีเวลาก็จะเชิญมาคุยเรื่องงาน ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นผู้ประสาน สิ่งแรกที่อยากจะทำคือการพูดคุยทำความเข้าใจกับข้าราชการเรื่องแนวทางการทำงาน อาจะมีการประชุมและมอบนโยบายหลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จ
ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องร้อนๆ เช่น เขื่อนแก่งเสือเต้น ป่าทับลาน นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ขอให้มีการพูดคุยในระดับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก่อน อย่าเพิ่งพูดถึงแนวทางตอนนี้ เป้าหมายของเราคือ การให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้ เมื่อถามถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ระหว่างวันที่12-13 ก.ย.นี้ โดยเฉพาะประเด็นนโยบาย การนำสิ่งผิดกฎหมายใต้ดินขึ้นมาบนดิน ทำให้ถูกกฎหมาย นายเฉลิมชัย กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่ผิดกฎหมาย ทำก็โดนจับ แต่การจะทำให้ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าหยิบขึ้นมาข้างบนแล้วจะถูกต้องเลย หัวใจคือการออกกฎหมายที่จะใช้บังคับ ส่วนโครงการ Entertainment Complex ตนเห็นว่าอะไรที่ทำให้ประเทศชาติได้ประโยชน์ “ผมโอเค” แต่ต้องชัดเจนว่าไม่เอื้อนายทุน มีการบริหารจัดการที่ดี ไม่มีผลกระทบภายหลัง การจะสนับสนุนโครงการนี้ ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ตนพูด
เมื่อถามถึงนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ไม่ปรากฏการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น และการแก้รัฐธรรมนูญ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ขอให้ทุกคนคิดว่า ปัญหาคอร์รัปชั่น ไม่จำเป็นต้องเขียนไว้ในนโยบาย แต่เป็นสำนึกของทุกคน ของรัฐมนตรี ของ ครม. ไม่มีคอร์รัปชั่น ถ้ามีสำนึก เรื่องเขียนหรือไม่เขียนไม่สำคัญ อย่าเอาไปเป็นประเด็น ในเอกสารก็บรรจุเรื่องธรรมาภิบาล นั่นคือความโปร่งใสอยู่แล้ว แต่หัวใจคือสำนึก เพราะมาเป็นนักการเมือง คนก็ดูถูกอยู่แล้ว ก็ต้องทำให้ประเทศชาติอย่างตั้งใจ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนเรียนจบกฎหมาย มาเป็นทนายความ จากการสอนก็ชี้ให้เห็นว่ากฎหมายทุกฉบับสามารถแก้ไขได้ ถ้ามีความจำเป็นและเหมาะสม