นายกฯปิดปากจ้อสื่อ อนุทินระบุม็อบต้านระบอบทักษิณ" มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่ขอให้อยู่ในกรอบ เชื่อรัฐนาวา "แพทองธาร" อยู่ครบเทอม ด้าน 'เดชอิศม์'คุยโวคนสงขลาส่วนใหญ่ยังเชียร์ปชป.ร่วมรัฐบาล ยันเคลียร์ปัญหาผิดจริยธรรม ขณะที่ อดีตพิราบขาวบุกกกต.ยื่นยุบ 6 พรรค เข้าพบทักษิณบ้านจันทร์ส่องหล้า ถกจัดตั้งรัฐบาล
ที่อาคารชินวัตร3 เมื่อวันที่ 9 ก.ย.67 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าอาคารด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายสื่อมวลชนอารมณ์ดี เมื่อผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์ถึงร่างนโยบายของรัฐบาลที่มีการเผยแพร่ออกมาในขณะนี้ น.ส.แพทองธาร ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มพร้อมโบกมือทักทายสื่อมวลชน ก่อนเดินขึ้นลิฟต์ไปยังห้องทำงานด้านบนทันที
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มเครือข่ายต้านระบอบทักษิณ เริ่มออกมาเคลื่อนไหวและมีรวมตัวเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล 17 ก.ย.นี้ จะทำให้ความวุ่นวายจุดติดหรือไม่ ว่าคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็น แต่ขอให้อยู่ในกรอบ และขอให้ใช้ข้อมูลต่างๆ โดยไม่ใช่วาทกรรมสาดใส่กัน หากเป็นข้อเท็จจริงอะไรผิดก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แก้ไขปรับปรุง แต่ต้องเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง อย่าไปคาดเดา ส่วนประเมินว่าเหตุการณ์จะกลับไปเหมือนในอดีตหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้มีการพิสูจน์ข่าวสารได้ใครพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง หรือปรุงแต่งขึ้นมา ติดตามดูมีหลายประเด็นที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง และก็รู้จักหลายท่านในนั้น บางท่านสนิทหน่อยก็โทร.ไปหรือไลน์ไป เรียนให้ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ก็ช่วยอธิบายชี้แจง คนนั้นมีสิทธิ์พูด คนนี้ไม่มีสิทธิ์พูด ถ้าพูดอย่างนี้ยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้ง ขอเอาความจริงพูดกัน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้รัฐบาลยังทำงานและยังแถลงนโยบาย การที่จะวิพากษ์วิจารณ์หรือบอกว่าทำผิดทำถูกต้องให้รัฐบาลได้ทำหน้าที่ก่อน ตรงไหนไม่ดีก็วิพากษ์วิจารณ์มา เชื่อว่ารัฐบาลนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นคนฟังและเป็นคนที่พร้อมจะทำหน้าที่เป็นประโยชน์สูงสุด พร้อมจะทำหน้าที่เป็นประโยชน์สูงสุดของบ้านเมือง จากที่สัมผัสท่านมา 2-3 สัปดาห์เรื่องงาน มั่นใจว่าท่านเป็นนักบริหารที่ดี
เมื่อถามว่า รัฐบาลน.ส.แพทองธารจะฝ่าฟันและอยู่จนครบ 3 ปีที่เหลืออยู่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน และสนับสนุนซึ่งกันและกัน มั่นใจว่าน.ส.แพทองธารซึ่งพูดกับตนเสมอว่าเราจะมาทำสิ่งที่ดีให้กับบ้านเมือง ช่วยกันทำ ตนก็มั่นใจว่าจะอยู่ครบเทอม
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ส.ส.สงขลา ภรรยา และนายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา บุตรชาย พร้อมครอบครัว เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรค ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ รมช.สาธารณสุข
นายเดชอิศม์ เปิดเผยถึงการเข้ารับตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข ว่า หลักของกระทรวงนี้คือการดูแลสุขภาพลานามัยให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์คือความพยายามเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อลดความแออัดโรงพยาบาลในตัวเมือง และเพิ่มทางเลือก ส่วนในรายละเอียดเรื่องกรมต่างๆ ยังไม่ได้มีการหารือกับรัฐมนตรีว่าการ แต่ตนกับว่าการสนิทกันมาก ทุกเรื่องแม้มอบนโยบายมาแล้วก็ต้องมีการปรึกษาหารือกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดนิด้าโพลสำรวจภาคใต้ 40% ไม่เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลและจะไม่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเราจะทำอย่างไรเพื่อเรียกศรัทธากลับคืนมา นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ก่อนที่พรรคจะตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ตนได้ให้ ส.ส. ไปทำการบ้านในพื้นที่มาอย่างละเอียด มีการสอบถามความคิดเห็นจากพี่น้องประชาชน ตลอดจนแฟนพันธุ์แท้ของพรรค ซึ่งตนก็เชื่อว่าเกิน 90% เห็นด้วย แต่เสียงที่ดังมากจะเป็นคนที่ไม่อยู่ในพรรคแล้ว และคนที่ไม่เคยเลือกประชาธิปัตย์ ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นโน้มน้าวให้คนรังเกียจพรรคประชาธิปัตย์
"ไม่มีส.ส.คนไหนหรอกที่อยากสอบตก เขาอยากชนะการเลือกตั้งทั้งนั้น สิ่งที่เขามาลงมติได้คิดกันอย่างรอบคอบ ตัวผมเองถามประชาชน แต่จะให้ถามทุกคนนั้นเป็นไปไม่ได้ ผมถามแกนนำของพรรคในเขตเลือกตั้งของผม ผมว่า 100% สนับสนุน เพราะเมื่อมีโอกาสที่จะไปแก้ปัญหาประชาชนได้ แล้วทำไมเราไม่ใช้โอกาสนั้น นั่นแหละคือ การทรยศประชาชน" นายเดชอิศม์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันว่าคนสงขลาอยากให้ร่วมรัฐบาล นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ขอใช้คำว่าคนสงขลาส่วนมาก ส.ส.เกือบทั้งหมดในจ.สงขลา ประชาชนที่คุยก็เกือบ 100% เมื่อถามย้ำว่า ยังมั่นใจว่าคนที่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยังเลือกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า แน่นอน เราต้องมีโอกาสทำงานแต่งแสดงผลงานให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมบริหารประเทศมีความแตกต่างมีความโดดเด่นให้ได้ เชื่อว่าเอางานมาวัด ประชาชนจะเข้าใจดี
เมื่อถามถึงกรอบในการชี้วัดการทำงานครั้งนี้อย่างไรนั้น นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ความจริงแล้วมีการประเมินผลงานของตัวเองทุกเดือนอยู่แล้ว แต่สำหรับภาพรวมอาจมีการประเมินอีกทุก 3-6 เดือน แต่ส่วนตัวไม่รู้สึกกดดัน เพราะถูกปรามาสไว้มาก สมัยเป็นนายกฯ อบจ. สงขลา ก็เคยถูกปรามาสไว้เยอะเช่นกัน แต่สุดท้ายคนอื่นๆ ที่เคยอยู่ในตำแหน่งนี้ก็ติดคุกไปหลายคน ยกเว้นตนคนเดียว
เมื่อถามถึงข้อกังวลที่ทาง นายสนธิญา สวัสดี ยื่นร้องต่ออัยการสูงสุด ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายเดชอิศม์เป็นรัฐมนตรี จากการที่ขาดคุณธรรม และความสุจริตเป็นที่ประจักษ์ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตนไม่กังวลเลย เพราะรู้ตัวเองดีกว่าใคร และมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าไม่ผิดจริยธรรมเลย และไม่เป็นการบั่นทอนกำลังใจในการทำงาน อุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นยิ่งเป็นการเพิ่มพลังในการต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนมากกว่าเดิม
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อเวลา 10.00 น. นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006 ยื่นหลักฐานต่อ กกต. ขอให้พิจารณายุบพรรคการเมือง 4 พรรค ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคชาติไทยพัฒนา จากกรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตรได้เรียกหัวหน้าพรรคการเมือง เลขาธิการพรรคของ 4 พรรค รวมถึงบุคคลสำคัญของพรรคเพื่อไทยเข้ามาพูดคุยที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 ซึ่งเป็นการกระทำฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 21, 28, 29 โดยขอให้ กกต.สั่งยุบพรรคการเมืองตามมาตรา 92
นายนพรุจ กล่าวว่า การที่นายทักษิณเรียกแกนนำรักษาการรัฐบาลในช่วงที่ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่ง เข้ามาพูดคุยในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อผลักดันให้ นายชัยเกษม นิติศิริ เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 เท่าที่ประเมินดูนั้นนายทักษิณคงกระทำการโดยเข้าใจว่าเป็นบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศจีน วันที่12-15 ส.ค. จึงเรียกบรรดารัฐมนตรี หรือรักษาการรัฐมนตรีในขณะนั้น
ทั้งนี้นายทักษิณเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นบิดาของน.ส.แพทองธาร ดังนั้นการกระทำการใดๆ ของนายทักษิณ ประหนึ่งเสมือนเป็นการกระทำของพ่อกับลูก แต่การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 28 ที่ระบุว่าพรรคจะต้องไม่ยินยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามาควบคุม ครอบงำสั่งการ ทำให้พรรคไม่สามารถดำเนินการได้โดยอิสระ ซึ่งนายทักษิณถือว่าเป็นบุคคลภายนอกไม่สามารถที่จะเข้าไปแทรกแซงหรือกระทำการใดๆ แต่ไม่ทราบว่าท่านไม่เข้าใจประเด็นนี้หรือไม่ จึงได้กระทำการดังกล่าว ซึ่งสงสัยว่าท่านกระทำในฐานะเป็นเจ้าของพรรค หรือเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค จึงมายื่นให้กกต. พิจารณาตรวจสอบในเรื่องนี้
ระยะเวลาดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลก็ดี จะต้องมาพบนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้าทุกครั้ง เมื่อครั้งที่นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ยังมีการเข้าพบปะมาหาในเหตุการณ์ต่างๆต่อเนื่องมา บ่งบอกชัดว่าการกระทำของนายทักษิณส่อไปในทางครอบงำ สั่งการ ควบคุม ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ก็เข้าใจว่าเขาเป็นเจ้าของพรรค ซึ่งมีอิทธิพลเหนือพรรคการเมือง รวมทั้งการเป็นบิดาของน.ส.แพทองธารย่อมมีอิทธิพลเหนือน.ส.แพทองธาร ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมถึงเป็นอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทยมาก่อน โดยทุกครั้งที่มีการจัดตั้งรัฐบาล หรือมีการออกนโยบายต่างๆที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการอยู่นายทักษิณ เป็นผู้แสดงความคิดเห็นก่อนพรรคเสมอ เสมือนเป็นมติก่อนที่พรรคจะลงมติ
นายนพรุจ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้มีบุคคลขอสงวนนามมายื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทยกรณีนายทักษิณเข้าครอบงำพรรคชี้นำผู้บริหารทำให้ขาดความอิสระ ซึ่งตนได้แนบหลักฐานนี้มาด้วย จากการตรวจสอบข้อมูลมีความละเอียดครบถ้วนที่บ่งบอกว่านายทักษิณครอบงำพรรค นอกจากนี้การกระทำของนายทักษิณในขณะนั้นซึ่งเป็นนักโทษการเมืองที่ได้รับการพักโทษ ซึ่งตามระเบียบของกรมคุมประพฤติ กำหนดห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวการเมือง ซึ่งตนเคยเป็นนักโทษการเมืองที่ได้รับการพักโทษมาเช่นเดียวกัน ตนได้อ่านระเบียบของกรมคุมประพฤติมาทั้งหมด แต่นายทักษิณทำการฝ่าฝืนระเบียบ ซึ่งกรมคุมประพฤติจะต้องเป็นผู้ชี้แจงในประเด็นนี้
สำหรับในส่วนที่ขอให้ กกต.พิจารณายุบพรรคเพิ่มเติมอีก 2 พรรค ประกอบด้วย พรรคประชาชาติ และพรรคพลังประชารัฐ พบว่า หัวหน้าพรรคทั้ง 2 พรรค ไม่ได้เดินทางเข้าพบ แต่ตามมาตรา 21 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ระบุในวรรคท้ายว่า เป็นที่ประจักษ์ว่ากรณีหัวหน้าพรรคไม่ได้ไปพบปะบุคคลภายนอก จะต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมอบให้เลขาธิการพรรคหรือกรรมการบริหารพรรคคนหนึ่งคนใดไป ซึ่งในประเด็นนี้ตนเองไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือประกอบ เบื้องต้นจึงยังไม่เข้าข่าย แต่ถ้าเจ้าพนักงานพบหลักฐานหนังสือมอบอำนาจใดๆก็จะเข้าข่ายด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าพนักงาน กกต.ที่จะไปเสาะแสวงหา