เนื้อหอม! รถไฟฟ้า Monorail สายสีแดงและสีม่วง พบกลุ่มบริษัทเอกชนและแหล่งเงินทุน เข้าร่วมสัมมนา Market Sounding หลายบริษัท
ที่ ห้องประชุมโรงแรมดุสิตธานี พัทยา นายบุญเทียน จันสุข ผู้อำนวยการสำนักช่าง เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อจัดการทดสอบความสนใจของภาคเอกชน (Market Sounding) โครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยา ในรูปแบบรถไฟฟ้า ระยะที่ 2 เมืองพัทยา โดยมี นายจาดูร แผ่นสุวรรณ ผู้จัดการโครงการฯ พร้อมด้วย ประชาชนที่สนใจ ผู้ประกอบการ บริษัทเอกชน และแหล่งเงินทุน รวม 47 องค์กรเข้าร่วมสัมมนา
หลังจากที่เมืองพัทยาได้ว่าจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ประกอบด้วยบริษัท อินทิเกรเทด เอนจิเนียริ่ง คอนซัลแทนท์ จำกัด บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี บริษัท แอมเพิล คอนซัลแทนท์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท พีเอสเค คอนซัลแทนส์ จำกัด และบริษัท ทีแอลที คอนซัลแตนส์ จำกัด ดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสม ออกแบบ และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเมืองพัทยา ในรูปแบบรถไฟฟ้า ระยะที่ 2 เมืองพัทยา รถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งมีจุดเริ่มต้นที่ถนนทัพพระยาและถนนจอมเทียนสาย 2 ไปจนถึงแยกจอมเทียนแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนชัยพฤกษ์ 1 และถนนชัยพฤกษ์ 2 ไปถนนผังเมือง จ4 สิ้นสุดบริเวณหน้าสนามกีฬาแห่งชาติภาคตะวันออก รวมระยะทางประมาณ 17.37 กิโลเมตร ระยะทาง ส่วน สายสีม่วง ซึ่งจะมีจุดเริ่มต้นที่ ทัพพระยา -พัทยาใต้- หนองปรือ ระยะทาง 11.44 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการศึกษาต่อเนื่องจาก ผลการศึกษาตามแผนแม่บทระบบขนส่งสาธารณะของเมืองพัทยาซึ่งได้ศึกษาไว้เมื่อปี พ.ศ. 2563 โดยได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย จนครบกระบวนการไปแล้ว
สำหรับสัมมนาครั้งนี้เป็นการทดสอบความสนใจของภาคเอกชน Market Sounding เพื่อให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ในประเด็นต่างๆ เพื่อนำผลที่ได้ไปประกอบการศึกษา ซึ่งได้ระบุตามขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) และให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 และอื่น ๆ ก่อนสรุปผลการศึกษาโครงการฯ ทั้งนี้ในส่วนการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วงจะเป็นการลงทุนแบบร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership ) ซึ่งหากจะดำเนินการแล้วจะเกิดประโยชน์คุ้มค่ากับการจะเป็นเมืองหลักหรือศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวตามแผนของการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ในอนาคตต่อไป