วันที่ 9 ก.ย.67 พันเอกหญิงจรินทร สังกัดกองทัพบก อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย เปิดเผยว่า ตนเริ่มต้นชีวิตคู่ แต่งงงานจดทะเบียนสมรสกันกับสามีเมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งได้บรรจุเป็นทหารที่ศูนย์สงครามพิเศษ ลพบุรี หลังติดทีมชาติจึงได้เจอกับสามีและตัดสินใจแต่งงานกัน พอคลอดลูกสาวคนแรกได้ไม่กี่เดือน สามีจะชอบอ้างว่าต้องไปราชการต่างจังหวัด เสาร์-อาทิตย์ เคยกลับบ้านก็ไม่กลับ ซึ่งตนจับได้เรื่องผู้หญิงเป็นประจำ

ทั้งนี้ ลูกสาวเขียนระบายความในใจใส่สมุดว่า ตั้งแต่เติมโตมา ตัวเองไม่เคยดีใจในชีวิตครอบครัวเลย เพราะพ่อไม่ค่อยกลับบ้านและมักจะมีปากเสียงทะเลาะกับแม่เรื่องผู้หญิงคนอื่นตลอด จนปัจจุบันลูกสาวเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังตัดพ้อเรื่องพ่ออยู่ตลอด กระทั่งปลายปี 2566 เริ่มระแคะระคายว่า สามีจะติดผู้หญิงอื่นและเริ่มสงสัยทหารหญิงคนหนึ่ง ยศสิบตรี ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเสมียน ทำงานได้ไม่นาน สามีแต่งตั้งสิบตรีหญิงรายนี้ให้มาเป็นลูกน้องส่วนตัว โดยตนสอบถามกับพวกทหารในค่ายที่สามีอยู่ ก็เล่าว่า สามีจะให้พลขับของตัวเอง ขับรถมารับสิบตรีหญิงคนนี้แล้วก็มารับอดีตสามีไปทำงานพร้อมกันทุกวัน 

จนวันสถาปนาตึกบัญชาการแห่งใหม่ ตนขออดีตสามีไปร่วมงานด้วย แต่อดีตสามีพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อไม่ให้ตนไปร่วมงาน สุดท้ายตนบุกไปที่งาน ปรากฎว่า เจอสิบตรีหญิงคนดังกล่าวนั่งอยู่หน้าห้องงานเลี้ยง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ตนได้เจอหน้าแบบตัวเป็นๆ สิบตรีเห็นตน ทำหน้าตาตื่นตกใจ ตนจึงเข้าไปถามอย่างสุภาพ ว่า หนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มาทำอะไรตรงนี้  จังหวะนั้น อดีตสามีเดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยงแล้วเข้ามาโวยวายตน ตำหนิตนต่อหน้าทหารคนอื่นๆว่า มาทำอะไร มายุ่งวุ่นวายแล้วจะถามอะไรมากมาย ตนรู้สึกเสียใจมาก เสียใจจนมันด้านชาไปหมด สุดท้ายวันนั้นตนก็ต้องฝืนใจกลับบ้านไป

หลังจากนั้นตนจึงให้พรรคพวกทหารรุ่นน้องช่วยสืบและติด GPS จนไปเจอว่า อดีตสามีไปเข้าม่านรูดกับสิบตรีหญิงคนนี้ จากนั้นตนก็รวบรวมหลักฐาน ฟ้องหย่าสามี และ ฟ้องสิบตรีหญิงชู้ ซึ่งอดีตสามีและหญิงชู้อ้างว่า วันที่ไปเข้าม่านรูดกันเพราะถูกตนคุกคาม ตามติดชีวิต จึงต้องไปปรับทุกข์ ไปพูดคุยกันในม่านรูด นาน 2 ชั่วโมง
สุดท้าย 19 ก.ค. 67 ศาลตัดสินให้ตนชนะ ศาลสั่งอดีตสามีจ่ายเงินชดเชยให้ตน 1.2 ล้านบาท ส่วนสิบตรีหญิงศาลสั่งจ่ายเงินชดเชยให้ตน 6 แสนบาท แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ยอมจ่าย

ส่วนเรื่องวินัยตนเคยร้องเรียนทางต้นสังกัดไปตั้งแต่ 20 ก.ย. 66 ก่อนฟ้องศาลอีก แต่เรื่องเงียบไม่มีความคืบหน้าเลย ซึ่งตนต้องการให้กองทัพสั่งปลดสิบตรีหญิงคนดังกล่าว ส่วนอดีตสามีขอให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา หากโดนปลดตนก็ไม่เสียใจ เพราะเรื่องแบบนี้ควรมีการเอาผิดทางวินัยให้เป็นบรรทัดฐาน

ขณะที่ กัน จอมพลัง บอกว่า พันเอกหญิงจรินทร ถือว่าเป็นผู้ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติบ้านเมืองตั้งแต่เป็นนักกีฬาทีมชาติคว้าเหรียญรางวัลไม่ต่ำกว่า 100 เหรียญ และได้ไปแข่งขันรายการระดับโลก แล้ววันนี้ได้บรรจุเป็นข้าราชการทหารรับใช้ชาติในอีกบทบาทหนึ่ง แต่พอมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นร้องเรียนทางหน่วยงานต้นสังกัดกลับยังไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังออกรายการโหนกระแสวันนี้ ตนจะพาไปติดตามความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนทางวินัยที่กองบัญชาการกองทัพบก