"รมว.นฤมล" นำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยา กรมชลฯ ติดตั้งแผ่นวัดระดับน้ำ เตือนประชาชนเฝ้าระวังและเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำได้ทัน เมื่อเขื่อนเจ้าพระยามีการปรับระบายน้ำ

วันที่ 8 ก.ย.67 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ณ  เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท โดยมี นายสุริยพล  นุชอนงค์  รองอธิบดีกรมชลประทาน นายวัชระ ไกรสัย  ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 12 และผู้เกี่ยวข้องร่วมลงพื้นที่พร้อมบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำและแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่   

ปัจจุบัน (8 ก.ย.67) 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 14,944 ล้าน ลบ.ม. (60% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 9,927 ล้าน ลบ.ม.  

สถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์  มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,481 ลบ.ม./วินาที  แนวโน้มลดลง ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลลงสู่บริเวณบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา  กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในปริมาณที่จำเป็น พร้อมควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในอัตรา 1,498 ลบ.ม./วินาที  ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และตำบลหัวเวียง  อำเภอเสนา  ตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) เพิ่มสูงขึ้นแต่ยังไม่ขยายวงกว้าง  

​​​​​​​

ทั้งนี้  กรมชลประทาน จะพิจารณาทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในพื้นที่ เพื่อให้กระทบพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้น้อยที่สุด พร้อมกันนี้ยังได้ดำเนินการติดตั้งแผ่นวัดระดับน้ำ (Flood Mark) เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังและเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำได้ทัน เมื่อเขื่อนเจ้าพระยามีการปรับระบายน้ำในอัตราที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง เพื่อช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุด