น้ำพระทัยจากในหลวง มท.ลุยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค บนเกาะสีชัง เตรียมเปิดระบบส่งน้ำก.ย.นี้ 

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 5 กันยายน 2567 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นำคณะลงพื้นที่ฯ โดยมีนายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี น.ส.อสิตรา รัตตะมณี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดชลบุรี นายญาณศิลป์ ภัสรางกูร โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชลบุรี นายชูศักดิ์ นันทิธัญญธาดา นายอำเภอเกาะสีชัง นายสุรชัย บุญใส่ หัวหน้างานโครงการก่อสร้าง 2 การประปาส่วนภูมิภาค เขต 1 ชลบุรี คุณวิชชุดา แก้ววิเชียร ผจก.ส่วนสื่อสารองค์กร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นายสรศักดิ์ เภตรา นายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง นายสรสิทธิ์ เภตรา กำนันตำบลท่าเทววงษ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ติดตามการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคของประชาชนบนเกาะสีชัง ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณโครงการพัฒนาพื้นที่เกาะสีชัง อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี


นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภคของประชาชนบนเกาะสีชัง ตามพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้บูรณาการภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ร่วมลงพื้นที่มาช่วยพี่น้องประชาชนชาวเกาะสีชัง ทั้งส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ภาคธุรกิจเอกชน เช่น SCG ไทยเบฟเวอเรจ ฯลฯ ลงมาร่วมไม้ร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องบนเกาะสีชังในหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องหลักที่เป็นเรื่องใหญ่ คือ การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคของพี่น้องประชาชนบนเกาะสีชัง เนื่องจากบนเกาะสีชังห่างไกลจากฝั่งที่เป็นพื้นที่การให้บริการน้ำประปาของการประปาส่วนภูมิภาค ส่งผลให้ในฤดูแล้ง ก็จะขาดแคลนน้ำเป็นอย่างมาก และพี่น้องประชาชน ต้องซื้อน้ำราคาสูงถึงหน่วยละ 250 บาท เพื่อใช้ในครัวเรือน และระบบท่อที่เคยทำไว้ก็ชำรุดเสียหาย


“ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้น้อมนำพระบรมราโชบายให้กระทรวงมหาดไทยโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองร่วมกับจังหวัดชลบุรี และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เทศบาลตำบลเกาะสีชัง การประปาส่วนภูมิภาค ช่วยกันดำเนินการแก้ไขโดยกำหนดแนวทางการขยายเขตบริการของการประปาส่วนภูมิภาคจากเกาะลอย อำเภอศรีราชา มายังท่าเรือเกาะลอย และเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ได้ประสานภาคเอกชนให้ต่อเรือบาสบรรทุกน้ำขนส่ง ส่งผลทำให้ปัจจุบัน พื้นที่เกาะสีชังจะมีน้ำใช้ครั้งละ 2,000 ตัน (2,000,000 ล้านลิตร) ซึ่งจะสามารถให้บริการพี่น้องประชาชนได้เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งในส่วนของการวางท่อระบบประปา และโครงสร้างพื้นฐาน ทางกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ร่วมกับเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ดำเนินการสำเร็จลุล่วง สามารถให้บริการน้ำประปาสำหรับพี่น้องประชาชนจำนวน 400 ครัวเรือน โดยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกำหนดตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและเป็นประธานทำพิธีปล่อยน้ำประปาเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ในการอุปโภค-บริโภค ในช่วงเดือนกันยายนนี้” นายสุทธิพงษ์ กล่าว 


ในด้านการบริหารจัดการโครงการ ขณะนี้วางโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในเรื่องของท่อส่งน้ำประปาขนาดใหญ่ และถังกักเก็บน้ำ โรงสูบน้ำ โรงผสมคลอรีน ได้สำเร็จเสร็จสิ้น สามารถส่งน้ำไปยังครัวเรือนได้ 400 ครัวเรือน จาก 2,200 ครัวเรือน โดยในส่วนของ 1,800 ครัวเรือนที่เหลือ กระทรวงมหาดไทยน้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มอบหมายให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้จัดเตรียมงบประมาณเพื่อจะขยายระบบท่อประปาขนาดเล็ก ส่งน้ำขยายเขตไปยังครัวเรือนที่เหลืออยู่ให้แล้วเสร็จภายในปี 2567 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 200 วัน หลังได้รับการจัดสรรงบประมาณ


“นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระมหากรุณาแก่ประชาชนชาวเกาะสีชัง ด้วยพระองค์ทรงมีความห่วงใยประชาชนทุกหมู่เหล่า และรับทราบถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งท่านกำนันและท่านนายกเทศมนตรีตำบลเกาะสีชัง รวมถึงพี่น้องประชาชนหลายครัวเรือน ทุกคนต่างปลื้มปีติและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ความเดือดร้อนของชาวเกาะสีชังความทราบถึงพระเนตรพระกรรณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงมีพระบรมราโชบายผ่านท่านราชเลขานุการในพระองค์ให้ลงมาช่วยและติดตามความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง กระทั่งความช่วยเหลือนั้นสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยพระบารมีคุ้มเกล้าคุ้มกระหม่อม ซึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนนั้น ก่อนหน้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ชาวบ้านบนเกาะสีชังต้องเสียค่าน้ำประปาหน่วยละ 250 บาท ปัจจุบันค่าน้ำลดลงเหลือหน่วยละ 80 บาท เนื่องจากระบบการขนส่งน้ำต้องนำน้ำมาจากฝั่ง เทศบาลตำบลเกาะสีชังจึงมีค่าใช้จ่ายในการขนส่ง โดยขณะนี้ท่านราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รับพระบรมราโชบายเหนือเกล้าฯ ทำการสำรวจพื้นที่ทั่วทั้งเกาะ และได้กำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างเต็มที่ โดยจะใช้พื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์และพื้นที่สาธารณะจัดทำเป็นที่กักเก็บน้ำขนาดใหญ่เพิ่มเติมขึ้นมา ซึ่งจะช่วยให้เรามีแหล่งน้ำดิบบนเกาะสีชังเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ตนได้หารือกับการประปาส่วนภูมิภาคซึ่งมีท่านอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองเป็นกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค ดำเนินการพิจารณาขยายเขตการให้บริการจำหน่ายน้ำประปามาสู่ชาวเกาะสีชัง เพื่อที่จะถ่ายโอนภารกิจน้ำประปาจากเทศบาลตำบลเกาะสีชังไปยังการประปาส่วนภูมิภาค อันจะทำให้ต้นทุนของการจำหน่ายน้ำประปาถูกลง พี่น้องประชาชนก็สามารถลดรายจ่ายและมีโอกาสในการพัฒนาอาชีพ นำเงินที่เหลือจากการต้องซื้อน้ำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงเข้มแข็งของชีวิต ทั้งเรื่องทำมาหากิน และเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินยามเจ็บไข้ได้ป่วย เพื่อให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน”นายสุทธิพงษ์ กล่าว


ทั้งหมดนี้เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีขจรขจายครอบคลุมไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมมาถ่ายทอดขับเคลื่อนร่วมกับทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่พวกเราทุกคนจะสำนึกและจดจำในพระมหากรุณาธิคุณถวายความจงรักภักดีในการที่จะถวายงานเป็นพสกนิกรที่ดีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยอำเภอเกาะสีชังร่วมกับเทศบาลตำบลเกาะสีชัง ได้คิดโครงการเพื่อ เฉลิมพระเกียรติฯ เพิ่มเติม ด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวอันจะทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลในช่วงฤดูฝน ช่วยทำให้สภาพอากาศได้กลับมาเหมือนเดิม ด้วยการส่งเสริมการบริหารจัดการขยะและการบำบัดน้ำเสียครัวเรือนเพื่อรวมน้ำเสียที่ได้รับการบำบัดไปใช้ในการบำรุงพืชพันธุ์ธัญญาหารในพื้นที่เกาะ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้คือพระมหากรุณาธิคุณคุ้มเกล้าคุ้มกระหม่อม เป็นฉัตรแก้วโพธิ์ทองพสกนิกรชาวไทยให้มีความกินดีอยู่ดีมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ดังพระปฐมบรมราชโองการ 4 พฤษภาคม 2562 ความว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” และพระราชดำรัส ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 ความว่า “ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข แก้ไขในสิ่งผิด สืบสานในพระราชปณิธาน ภายใต้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”