'แพทองธาร'วอนสงสาร'นายกฯอายุน้อย'อย่าจ้องฟ้องกันมากเลย อุทาน 'โห' บอกใช้คำแรง'ครม.สืบสันดาน” ขณะที่ “ทำเนียบฯ” คึกคัก รมต.พาเหรดตรวจโควิดฯ ก่อนเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ ด้าน'สรวงศ์'ตื่นเต้นนั่งรมว.ท่องเที่ยวฯ บอกเป็นงานถนัด "ปธ.วิปรัฐบาล" ลั่นไม่ตั้งองครักษ์พิทักษ์"นายกฯ"แถลงนโยบายรัฐบาล 

 ที่อาคารชินวัตร 3 เมื่อวันที่ 5 ก.ย.67 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีตั้งรองนายกรัฐมนตรี 6 คน จะแบ่งงานอย่างไร ว่า ได้วางเอาไว้แล้วจะให้ใครทำอะไร เมื่อถามว่า จะเปิดเผยได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า  ขออีกนิดหนึ่ง แต่ได้วางแล้ว แต่ก็อยากให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้น เวลามอบหมายงานก็จะได้ตามกลับมาได้ชัดเจนขึ้นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มุ่งหวังกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้ และตั้งเป้าหมายอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร อุทานว่า "โอ้ว" ก่อนกล่าวว่า คิดว่าดี และคิดว่าดีมากๆ จริงๆ ทุกคนมีความพร้อมที่จะสานงานต่อ และคิดว่าเป็นพลังอะไรที่เรามารวมกันแล้วและอยากจะทำเพื่อพี่น้องประชาชน อยากให้ประเทศไปต่อ ฉะนั้นหลายๆ คนมีทั้งหน้าใหม่และหน้าเดิม ซึ่งทุกคนก็พร้อมตรงนี้ เมื่อถามว่า จะมีการตั้งเงื่อนเวลาเพื่อวัด KPI ในการทำงานหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า "ยังค่ะ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า  มีการวิพากษ์วิจารณ์หน้าตา ครม. เป็นการสืบต่อครอบครัว เพราะตัวเองไม่ได้ตำแหน่ง แต่ให้ลูกให้เพื่อนให้ญาติแทน ลักษณะอาจจะใช้คำแรง "ครม.สืบสันดาน" น.ส.แพทองธาร  อุทานว่า "โห" ก่อนกล่าวว่า แรงจริงๆด้วย พร้อมกับหัวเราะและกล่าวว่า ใช้คำแรงจัง จริงๆ มีหลายรูปแบบ และหลายๆ คนที่ไม่ใช่เป็นครอบครัว หรือเกี่ยวข้องกัน และมีหลายๆ คู่ที่เป็นครอบครัวต่อกันมา แต่อยากให้มองว่าเป็นความตั้งใจได้ไหม ที่มันถ่ายทอดกันมาในคนใกล้ชิดคนรู้จัก เพราะหลายๆ อย่างที่ต้องทำต้องใช้แรงผลักดัน อาศัยความภาคภูมิใจของคนข้างๆ คนรอบๆ ฉะนั้นคำว่าเป็นครอบครัวหรือเป็นอะไรมันไม่ใช่ข้อเสีย มันเป็นเรื่องของแรงผลักดันให้กันมากกว่า โดยเห็นว่าคนหนึ่งทำเพื่อประเทศแบบนี้ อีกคนหนึ่งในครอบครัวก็มีแรงผลักดันเช่นกัน มันเป็นแบบนั้น

เมื่อถามว่า พอมีคำว่าคนในครอบครัวก็มีการมองถึงการครอบงำ ซึ่งนายกฯ ยังไม่ปฏิบัติหน้าที่แต่ก็มีเรื่องข้อหา รวมถึงการฟ้องร้องก็มีมา น.ส.แพทองธาร ตอบว่า "สงสารนายกฯ บ้าง อย่าฟ้องอะไรเยอะเลย เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว และก็ตั้งใจทำงานเต็มที่ ฉะนั้นอย่างที่บอกและให้สัมภาษณ์ไป บางทีเรื่องเล็กๆ อย่าไปให้ความสำคัญอะไรมากเลย แม้แต่เรื่องการฟ้องร้องอะไรต่างๆ คนฟ้องก็อย่าฟ้องเยอะเลย มันไม่ได้มีอะไรผิดแบบนั้นอยู่แล้ว ต้องค่อยๆ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า ด้วยความที่นายกฯอายุน้อยและในสถานะต้องนั่งหัวโต๊ะ และต้องเป็นประธานบอร์ดโดยตำแหน่งในหลายๆ คณะ จะประหม่าตัวเองหรือกังวลหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า”เอาจริงๆนะคะ ตัวดิฉันเองคิดว่าได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้แล้ว โดยการโหวตจากสภา อันนี้ต้องขอบพระคุณทุกท่าน การที่ดิฉันเป็นตำแหน่งนายกฯ ไม่พร้อมที่จะข่มเหงใคร แต่พร้อมที่จะรับฟัง และพร้อมที่จะให้ความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นคิดว่าหลักคิดตรงนี้มันจะทำให้ทุกอย่างเป็นไปได้อย่างสมูท คิดอย่างนั้น” เมื่อถามย้ำว่า จะทำให้เกิดความบั่นทอนในการทำงานหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "ก็ไม่ ก็โอเคนะคะ ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ ถ้าทุกคนคิดในใจว่าวิจารณ์ด้วยเหตุผลไม่ได้ใช้อารมณ์ คิดว่าน่าจะมี แต่โอเคมันเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว เพียงแต่ขอกำลังใจกันบ้างแค่นั้นเอง"

เมื่อถามว่า จะมอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ดูแลงานด้านความมั่นคงและคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้ขอดูรายละเอียดนิดหนึ่ง เดี๋ยวจะไปแยกเรื่องของรองนายกฯ อีกที แล้วจะมาแจ้งให้ทราบ เมื่อถามว่า การที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ไปแสดงวิสัยทัศน์ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ตรงนี้จะนำมาอยู่ในนโยบายของรัฐบาลด้วยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะขอดูอีกที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง น.ส.แพทองธารเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจที่อาคารชินวัตร3 ช่วงเช้าเวลา 10.15 น. เพื่อจัดทำร่างนโยบายที่เตรียมเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษวันเสาร์ที่ 7 ก.ย.นี้ จากนั้นเวลา 11.28 น. มีรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เดินทางมายังอาคารชินวัตร 3 โดยนายทักษิณได้เข้าทางชั้นใต้ดิน ไม่เข้าด้านหน้าอาคาร เพื่อหลีกเลี่ยงเจอสื่อมวลชนหลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณว่าครอบงำนายกฯ และพรรคเพื่อไทย 
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งรัฐมนตรี ครม.แพทองธาร จำนวน 36 คน จากนั้น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งประสานให้ รมต.ชุดใหม่ เตรียมความพร้อมเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 6 ก.ย.67 เวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน และได้แจ้งรัฐมนตรีชุดใหม่ว่าในที่ 5 ก.ย. เวลา 10.00 น. ให้เข้ามาตรวจ RT-PCR ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเวลา 09.15 น. โดยมีรัฐมนตรีได้ทยอยเดินทางมาตรวจ  อาทิ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เดินทางมาถึงเป็นคนแรก ในเวลา 09.15 น.

จากนั้นรัฐมนตรีคนอื่นๆ ทยอยเข้าตรวจอาทิ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง ,นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ,นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ,นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ,นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ,นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ,นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม, นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ,นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ,น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย

ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นอาทิ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.สาธารณสุข จะตรวจด้วยตัวเอง ขณะที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และรมว.พลังงาน ได้แจ้งตรวจด้วยตัวเองและจะนำผลมาแสดง

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ว่า มีความตื่นเต้นอย่างมาก ขณะที่นโยบายการทำงานของรัฐบาล จะแบ่งสัดส่วนอย่างไรนั้น ต้องถาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ว่าจะแบ่งอย่างไร สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงท่องเที่ยว ถือว่าเป็นรายได้หลักของประเทศ เป็นงานหนักพอสมควร มีหลายหน่วยงานร่วมกันรับผิดชอบ และทำงานร่วมกับหลายฝ่าย โดยเฉพาะการเสริมทัพงานซอฟต์พาวเวอร์ของนายกฯ ให้มีความเข้มแข็ง ซึ่งพยายามทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า การเข้ามารับตำแหน่งนี้ถือว่าได้รับโอกาส และมีความท้าทายหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่ตนถนัดอยู่แล้ว และตนเคยเป็นนักกีฬา ส่วนการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ในอนาคตจะต้องวางแผนเรื่องการท่องเที่ยว และกีฬาให้สอดคล้องกัน รวมถึงแผนงานต่างๆ ที่จะไปเสริมนโยบายซอฟพาวเวอร์ และด้านอื่นๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าจะได้รับแต่งตั้ง นายสรวงศ์ กล่าวว่า รู้พร้อมสื่อมวลชน ตนก็ติดตามข่าวโผ ครม.ต่างๆ แต่ก็ไม่ได้ทราบเป็นการส่วนตัว ถือว่านายกฯ ให้เกียรติ ที่แต่งตั้ง และมอบหมายงานที่สําคัญ และตนมีความถนัด เมื่อถามว่า อะไรที่ทำให้คิดว่า นายกฯ ตัดสินใจเลือกให้มาทำหน้าที่นี้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ต้องถามนายกฯ แต่ในส่วนของตน ท่านคงเห็นถึงการทุ่มเทในการทำงาน และเห็นว่างานนี้มีความสำคัญ จึงมอบหมายให้ ซึ่งขณะนี้ นายกฯ ยังไม่ได้ฝากงานอะไรเป็นพิเศษ

เมื่อถามว่า การแต่งตั้งโยกย้ายปลัดกระทรวง ก่อนนายสรวงศ์มาดำรงตำแหน่ง จะยังเหมือนเดิมหรือไม่ นายวรวงศ์ กล่าวว่า ก็คงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน เมื่อถามว่า นโยบายควิกวินที่เตรียมไว้มีอะไรบ้าง เพราะอีกไม่กี่เดือนจะเข้าช่วงไฮซีซั่น นายสรวงศ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว เรื่องนโยบายท่องเที่ยว นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ได้ปูพื้นฐานไว้ดีพอสมควร จะเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ส่วนการสานต่อฟรีวีซ่าในประเทศสำคัญ และฟรีวีซ่าเชงเก้น ที่นายเศรษฐาเจรจาไว้ ก็ต้องทำงานร่วมกับกระทรวงต่างประเทศอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้น ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ให้คนไทยเที่ยวกันเองมากที่สุด เพราะจะส่งผลกับเศรษฐกิจฐานราก ร้านค้าเล็กๆ จะได้ผลประโยชน์จำนวนมาก ตนจะทำให้ดีที่สุด

ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึง วันแถลงนโยบายรัฐบาล ต้องเตรียมองครักษ์พิทักษ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีอะไรรุนแรงเหมือนสมัยก่อน ตอนนี้ส่วนมากเป็นคนที่จบการศึกษาเก่งๆ ก็พร้อมที่จะชี้แจง ไม่ต้องไปเป็นองครักษ์อะไร ฝ่ายค้านมีหน้าที่ถาม ฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่ตอบ

เมื่อถามว่า นายกฯ ยังใหม่อยู่ นายวิสุทธิ์ ตอบว่า "ก็ไม่ใหม่นะ เขาเกิดมาเพิ่งรู้ความก็อยู่บ้านนายกฯ แล้ว อยู่กับการเมืองมาตลอด มากกว่า ส.ส.ด้วยซ้ำไป จะบอกว่าใหม่ไม่ได้ แค่ไม่เคยทำหน้าที่ในสภาเท่านั้น เขารู้ทุกเรื่องทุกราว ผมเองเคยทำงานกับเขาในฐานะหัวหน้าพรรค ผมภาคภูมิใจมาก เพราะนั่งประชุมมาท่านก็รู้ทุกเรื่อง สามารถตอบได้ชัดเจน ตรงไปตรงมา มีความคิดก้าวหน้า เพราะเป็นคนรุ่นใหม่"

เมื่อถามว่า จะมีการติวลูกล่อลูกชนในสภาฯให้นายกฯ หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่ต้องไปติว เขาสนิทกับคนในพรรค น้องๆ พวกนี้ก็ไปทานข้าว ยกหูด้วยกันได้ ส่วนใหญ่ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ก็เป็นคนรุ่นใหม่ เชื่อว่าได้นายกรัฐมนตรีมาทำงานจะทำให้นโยบายสำเร็จรวดเร็วขึ้น

ด้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตอบข้อสักถามผู้สื่อข่าวในฐานะฝ่ายค้านมองโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลน.ส.แพทองธารในการแต่งตั้งตัวบุคคลเป็นอย่างไรบ้าง ว่า เรายังคงเห็นการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่ไม่ได้ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวมาเป็นจุดในการคัดเลือกตัวคณะรัฐมนตรี ซึ่งทั้งคณะรัฐมนตรีเห็นเพียง นายชูศักดิ์ ศิรินิล มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องของกฎหมายพอที่จะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องกฎหมาย แต่ของท่านอื่นยังเป็นนักการเมืองที่ยังไม่เห็นฝีไม้ลายมือ ที่จะสามารถบริหารงานที่มีความเฉพาะเจาะจงของแต่ละกระทรวงอย่างไร

"ก็ต้องให้โอกาส กับรัฐมนตรีเหล่านั้น ได้เริ่มทำงานก่อน เพื่อให้เราสามารถตรวจสอบการทำงานว่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้หรือไม่" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว