สทนช. ระดมทุกหน่วยพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เตรียมพร้อมรับมวลน้ำจากภาคเหนือ วางแผนบริหารจัดการน้ำให้เกิดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนน้อยที่สุด

วันที่ 5 ก.ย.67 ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล  เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมหน่วยงานบริหารจัดการน้ำ ครั้งที่ 7/2567 โดยมี นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ จังหวัดในกลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กรมทรัพยากรน้ำ กรมชลประทาน กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การประปานครหลวง สำนักการระบายน้ำ กทม. เป็นต้น เข้าร่วมการประชุม  ณ ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล  เลขาธิการ สทนช. เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ ได้ร่วมหารือกับหน่วยงานในส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี เพื่อเตรียมความพร้อมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฝนในเดือน ก.ย.นี้ ที่มีการคาดการณ์ว่าปริมาณฝนมีแนวโน้มจะมากกว่าค่าเฉลี่ยของช่วงฤดูฝน ทำให้เกิดฝนตกหนักขึ้นในหลายพื้นที่ ประกอบกับอยู่ในช่วงเฝ้าระวังพายุไต้ฝุ่น “ยางิ” ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน  และขึ้นฝั่งทางเกาะไหหลำ โดยจะเข้าสู่ประเทศเวียดนามตอนบน ประมาณเช้าวันที่ 8 ก.ย. 67  ดังนั้น จึงคาดว่าในช่วงวันที่ 8 – 13 ก.ย. 67 จะมีฝนตกเพิ่มพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (บริเวณแม่น้ำโขง) ภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก ซึ่งได้มีการเตรียมพื้นที่รองรับน้ำในเขื่อนต่าง ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฝนไว้แล้ว รวมถึงจะมีการใช้พื้นที่หน่วงน้ำ เช่น ทุ่งบางระกำ บึงบอระเพ็ด เพื่อใช้ในการลดปริมาณน้ำที่จะไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาด้วย

การประชุมในช่วงเช้า สทนช. ได้เสนอแบบจำลองคาดการณ์ปริมาณน้ำจากสถานการณ์ฝนช่วงเดือน ก.ย. คาดว่าจะมีปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา  บริเวณสถานี C.2 ที่ จ.นครสวรรค์เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าปริมาณน้ำสูงสุดอยู่ที่ 2,000 ลบ.ม./วินาที และจะส่งผลให้ในช่วงวันที่ 9 – 10 ก.ย. 67 จะมีน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น  อยู่ในอัตรา 1,500 - 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งได้มีประเมินพื้นที่รับผลกระทบเกิดน้ำท่วมเพิ่มเติม  ในบริเวณพื้นที่ริมแม่น้ำ พื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ของ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี  จึงได้ขอให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อมในเชิงป้องกันล่วงหน้า  เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด และในช่วงบ่ายหน่วยงานต่างๆ ได้ร่วมตรวจติดตามความพร้อมอาคารชลศาสตร์  คันกั้นน้ำจุดต่าง ๆ รวมถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่  นอกคันกั้นน้ำจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตลอดแนวคลองโผงเผง คลองบางบาล อ.ผักไห่ และ อ.เสนา  เพื่อใช้วางแผนรองรับสถานการณ์ล่วงหน้าได้ด้วย