วันที่ 5 ก.ย.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธาน เพื่อการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วาระ2-3 ต่อเนื่องเป็นวันสุดท้าย ซึ่งพิจารณาถึงมาตรา 30 งบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานรัฐสภา ที่กรรมาธิการวิสามัญ วงเงิน 4,000,277,600บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายในส่วนของงบประมาณ สภาฯ ที่น่าสนใจ อาทิ นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ อภิปรายขอตัดงบประมาณรัฐสภา 0.01% เพื่อให้ได้สิทธิอภิปราย ทั้งนี้ตนต้องการให้เพิ่มเงินของสภาฯ เป็น 3หมื่นล้านบาท เพราะมีค่าดำเนินการทั้งในส่วนของกรรมาธิการคณะต่างๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดย นายพิเชษฐ์ ชี้แจงทันทีว่าสภาฯ รับมอบมาไม่ถึง 3 เดือนต้องปรับปรุง ทุกอย่างที่ใช้มา 5 ปี ยังไม่ได้ทำอะไร ดังนั้นปีนี้ของบเพิ่ม เพราะต้องทนุบำรุงจัดการสภา ได้มานิดหน่อย ช่วงสภาฯ ชุดที่ 25 ไม่ได้ไปต่างประเทศทำให้ขยับงบได้ยาก กลุ่มมิตรภาพรัฐสภาปีนี้ต้องขยับ เนื่องจากปีที่ผ่านมาไม่มีเงิน กลุ่มมิตรภาพมาเยี่ยมแต่สภาฯเราไปไม่ได้ เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติได้งบน้อยมากหลังถูกปฏิวัติหลายรอบ ถูกตัดตอน วันนี้มีประชาธิปไตยแบ่งบานก็พยายามจะสร้าง ส่วนรายละเอียดขอให้กมธ.ชี้แจง

ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินท์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายให้ปรับลดงบของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ พร้อมกับหารือถึงการจัดที่จอดรถให้ สส. ที่มีบางส่วนอยู่ใกล้ลิฟท์โดยสาร ที่พบว่าที่จอดรถว่างตลอด ส่วนสส.ที่มาเช้าต้องจอดรรถไกล ดังนั้นขอให้จัดระบบใหม่ ตรงไหนว่างให้จอด ทั้งนี้ตนเคยเห็นคนทะเลาะกันเรื่องที่จอดรถหลายครั้ง มีคนที่มาเช้าจอดในช่องที่ไม่ใช่ของตนเองเพราะใกล้ลิฟท์ เมื่อเจ้าของช่องมาจอดแต่จอดไม่ได้ จึงจอดขวางและใส่เกียร์ไว้ ทั้งนี้การใช้สิทธิจอดไม่ผิดแต่ต้องพิจารณา นอกจากนั้นในส่วนของค่าไปดูงานต่างประเทศขอให้ตัด ใครอยากไปให้ใช้เงินส่วนตัว นอกจากนั้นขอให้ยกเลิกค่าอาหารรับรอง สส.  และ กมธ.

“ผมไม่เดือดร้อน เพราะกินลาบ ก้อย จุ้มจุ่ม พวกตนเป็นสส. จะเวียนกันไปซื้ออาหาร น้อยครั้งที่จะเข้าไปกิน ส่วนที่มีอาหารเหลือและให้เอากลับไปกิน ผมอายขอให้งบประมาณปีหน้ายกเลิกไป และควรพิจารณาจัดหาร้านอาหารต่างๆ มาตั้งเป็นตลาดเพื่อให้เลือกซื้อ” นายครูมานิตย์ อภิปราย ทำให้นาย นายพิเชษฐ์ ชี้แจงว่า ตั้งแต่มีสภาฯมา ทุกอย่างมีเหตุและผล พัฒนามาเรื่อยๆ มาถึงวันนี้ คิดว่าสิ่งที่คงอยู่พัฒนาต่อไป ช่วงที่ว่างเว้นจาก สส. สภาเงียบเหงา หากเขามายึดก็เล็กลง หากมาจากเลือกตั้งก็เบ่งบาน ทุกอย่างมีเหตุมีผล

ต่อมานายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายถึงงบค่าอาหารสส.ว่า ค่าอาหารสส.ปีงบประมาณ2566 และ 2567 ตั้งไว้ที่ปีละ 72 ล้านบาท แต่เบิกจ่ายจริงไม่ถึง ปี 66 ใช้แค่ 40 ล้านบาท และปี 67 ใช้ไป31 ล้านบาท ใช้ไม่หมด มีงบส่งคืนคลังทุกปี ล่าสุดปีงบประมาณ 2568 ขอมา 72 ล้านบาทเหมือนเดิม แต่กมธ.ตัดไป 15 ล้าน เหลือ 57 ล้านบาท ค่าอาหารสส.ในวันประชุมสภา มี3มื้อ เช้า กลางวัน เย็น ถ้าวันใดประชุมสภาดึก ตั้งแต่ 20.00-24.00น. จะมีอาหารรอบดึกเพิ่มให้ ยิ่งถ้าประชุมเกิน 24.00น. จะมีอาหารพิเศษเพิ่มหลังเที่ยงคืนให้อีก  สรุปแล้วถ้าเป็นวันประชุมสภาปกติ ค่าอาหารสส.ต่อวันอยู่ที่ 5 แสนบาท ถ้าวันใด ประชุมสภาเลิกดึกอยู่ที่ 7แสนบาทต่อวัน  เทียบกับค่าอาหารเจ้าหน้าที่จะได้เฉพาะมื้อเย็น เป็นอาหารกล่องอยู่ที่ 100 บาทต่อคน มี 930คน หรือ 93,000บาทต่อวัน แต่เท่าที่ดูจำนวนเจ้าหน้าที่ที่ทำงานจริงๆ มีไม่ถึง 930คน หาที่มาตัวเลข 930คน ไม่เจอ

นอกจากนี้ยังมีค่าอาหารรับรองการประชุมคณะกรรมาธิการ ตกปีละ 39ล้านบาท ที่ผ่านมาประชาชนก่นด่าเรื่องอาหารสส.เต็มที่ ถึงเวลาควรวางแผนเรื่องอาหารสส.ใหม่ ไม่ให้มีอาหารเหลือมากมาย เชื่อว่ามีวิธีจัดการให้อยู่ในงบประมาณอย่างเพียงพอ

ขณะที่นายธเนศ เครือรัตน์ กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า งบอาหารสส. ตกปีละ 72 ล้านบาท แต่ใช้จริงอยู่ที่ปีละ 30 ล้านบาท มีเหลือส่งคืนทุกปี ปีนี้กมธ.ตั้งใจปรับลดค่าอาหารสส.ให้อยู่ที่ 40 ล้านบาทต่อปี แต่สุดท้ายปรับลดได้แค่ 15 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากต้องสำรองค่าอาหารสส.ไว้ในกรณีที่มีการประชุมสภา เพิ่มเติมในวันศุกร์ รวมถึงการประชุมร่วมรัฐสภา ที่ฝั่งสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าอาหาร ทราบว่าปีนี้จะประชุมร่วมรัฐสภาหลายครั้ง ทำให้ปรับลดได้แค่ 15ล้านบาท
นายทรงยศ รามสูต กมธ.เสียงข้างมาก ชี้แจงว่า กมธ.ได้ทำข้อสังเกตแจ้งถึงวิธีลดค่าใช้จ่ายงบอาหารสส.ว่า ควรเปลี่ยนเป็นวิธีใช้บัตรเติมเงิน มีวงเงินให้สส.ใช้วันละ 350 บาท นำไปซื้ออาหาร ถ้าใช้ไม่หมดก็ต้องจะคืนสภาในวันนั้น จะแก้ปัญหาลดค่าอาหารสส.ได้  หลังจากสส.อภิปรายครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตราดังกล่าว