แม้จะถอดสลักระเบิดเวลา ปลดแอกมาตรฐานจริยธรรมจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ด้วยการไม่ปรากฏรายชื่อ รัฐมนตรีตัวตึง ที่อาจตกเป็นเป้าถูกตรวจสอบและกระทบชิ่งให้เส้นทางนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ต้องสะดุด

ไม่ว่าจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ไม่ว่าจะเป็น ชาดา ไทยเศรษฐ์  ที่ยอมสลับจาก “ฉากหน้า” ทิ้งตำแหน่งเสนาบดี มาอยู่ “ฉากหลัง” ส่ง “นอมินี” น้องชาย และลูกสาวเข้าทำเนียบรัฐบาลแทน

ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อประคับประคองให้ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ตั้งไข่และสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เสี่ยงซ้ำรอย เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยเสียงคำรามจากบริวารราชสีห์เฒ่า แห่งบ้านป่ารอยต่อรอสางแค้น ง้างดาบรออยู่เบื้องหน้า

แม้จะถูกค่อนขอดว่าเป็น ครม.ดีเอ็นเอ ครม.พ่อลูก ครม.สืบสันดาน ครม.มรดกตระกูลการเมือง สารพัดคมหอกคมดาบที่ฟาดใส่ แต่ที่สุดก็เหมือนว่า ไม่มีเวลาให้ประวิงอีกต่อไป ต้องเร่งเดินเครื่องรัฐบาลให้เต็มสูบไปข้างหน้า

และแม้แบล็กลิสต์ ที่ อดีตสว.สมชาย แสวงการ หนึ่งใน 40 สว.ผู้โค่นบัลลังก์นายกฯถุงเท้าแดง ออกมาอ้างแฉโพยรัฐมนตรีที่ส่อว่าจะไม่ผ่านมาตรฐานจริยธรรมว่า มีถึง 11 คนด้วยกัน พร้อมทั้งเขย่าด้วยคำถามที่ว่า หรือจะไปตายเอาดาบหน้า!?

ทว่าด้วยเงื่อนไขเวลาที่ต้องเร่งผลักดันนโนบายดิจิทัลวอลเล็ตให้ทันการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ซึ่งจะสิ้นสุดภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้

โดยหลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งลงมา และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเรียบร้อยในวันที่  11 กันยายนนี้ ที่จะเข้าแถลงนโยบายรัฐบาล คาดว่าครม.จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ในวันที่ 14-15 กันยายนเป็นต้นไป

ไทม์ไลน์ที่วางไว้ ให้ต้องพุ่งทะยานไปข้างหน้า เพื่อดึงความเชื่อมั่น จากเดิมพันเงินหมื่น เป็นหมากบังคับ หากโครงการล้มไม่เป็นท่า กระแสความไม่พอใจของประชาชนจะกลายเป็นแรงกดดันมหาศาลที่ถาโถมใส่รัฐบาลไม่ต่างจากสึนามิ

กระนั้น ก็มาไกลเกินกว่าถอยหลัง รัฐบาลแพทองธาร จำเป็นต้องพุ่งกระโจนไปในพงหนาม ยิ่ง ทักษิณ ชินวัตร  อหังการท้าทายรอบทิศ  ผลักมิตรเป็นศัตรู ก็เหมือนเป็น “สารเร่ง” ให้รัฐบาลลูกสาวอยู่ยาก หรืออายุสั้น!!

ไม่เกินเลยจากที่ สุริยะใส กตะศิลา คณบดีวิทยาลัยผู้นำและนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต อดีตผู้ประสานงานกลุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส่องไปที่ “ดรีมทีม”ฝ่ายค้าน อันประกอบไปด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ชวน หลีกภัย  “ลุงป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส “คุณหญิงหน่อย”สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ “ตู่”จตุพร พรหมพันธุ์ “แรมโบ้อีสาน” เสกสกล อัตถาวงศ์ บวกรวมอดีตแกนนำ นปช. อีกหลายคนและแกนนำมวลชนปีกเสื้อเหลืองเดิม และบรรดานักร้องอีกหลายค่าย

“ทั้งหมดก็ต้องบอกว่าเป็น มาฆบูชาของฝ่ายค้าน มาแบบมิได้นัดหมาย”

ทางด้าน เทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ก็มองเหตุปัจจัยการอยู่สั้นหรืออยู่ยาวของ รัฐบาลแพทองธาร ที่ขึ้นอยู่กับ  2 ปัจจัยหลัก คือ ความแตกแยกภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน และบทบาทของทักษิณ เพราะนายทักษิณคือนายกรัฐมนตรีตัวจริง สามารถครอบงำและครอบครอง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้ 100% แตกต่างกับนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆใน ระบอบทักษิณ

“หากนายทักษิณย่ามใจ หลงอำนาจ เหลิงอำนาจ ทำอะไรตามอำเภอใจ ก็จะเจอกับดักทางกฎหมายหลายอย่าง จะมีผู้จองกฐิน ร้องเรียน และมีองค์กรอิสระคอยตรวจสอบอยู่ ในที่สุดรัฐบาลอิ๊งค์ ภายใต้การครอบงำและครอบครองของนายทักษิณ จะตายน้ำตื้น”

ขณะที่ “ตู่”จตุพร พรหมพันธุ์ แย้มไทม์ไลน์อวสานของระบอบทักษิณภาค 2 ว่า  ผู้มีหน้าที่ล็อกเป้าเวลาอำนาจของทักษิณ จะจบลงใน พฤศจิกายนนี้  ส่วนนายกฯ อิ๊งค์ ไม่เกินตรุษจีน 2568 เพื่อหยุดความเสียหายของประเทศไม่ให้ลุกลามไปมากกว่าขณะนี้

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงบรรดารัฐมนตรีที่มีชนักปักหลัง  แต่ตัวนายกรัฐมนตรี “อิ๊งค์” ก็โดนสารพัดเรื่องร้องเรียน ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ โดยเฉพาะจากนักร้องอย่างเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คนเดียวหลายคำร้อง ที่จัดให้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีลาออกจากกรรมการ 20 บริษัทในวันเดียว และจริยธรรมกรณีปล่อยให้ “ทักษิณ”ครอบครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ดูเหมือนเส้นทางของ “แพทองธาร”สู่บัลลังก์นายกฯจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หากแต่เต็มไปด้วยขวากหนามและกับระเบิดทางการเมือง ที่อาจเสี่ยงที่จะติดบ่วงทำผิดกฎหมาย และผิดจริยธรรมที่ค่อนข้างเปราะบางและอ่อนไหว

 แต่กระนั้น “ลูกสาวคนสุดท้อง”ของบ้านจันทร์ส่องหล้านั้น ก็พร้อมจะเป็นตัวประกันเพื่อพ่อ