ปทุมธานี ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ต้องได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมแทบทุกปี ซึ่งจากสถานการณ์ฝนตกหนักและเกิดปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้จังหวัดปทุมธานี ต้องมีการเตรียมพร้อมในทุกภาคส่วนเพื่อเฝ้าระวังป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น 

โดยในส่วนของจังหวัดนั้น นายภาสกร บุญญลักษม์ ผวจ.ปทุมธานี ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดปทุมธานีปี 2567 ประกอบด้วย อุตุนิยมวิทยาจังหวัดปทุมธานี โครงการชลประทานจังหวัดปทุมธานี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตเหนือ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษารังสิตใต้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระยาบันลือ อบจ.ปทุมธานี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วย 3 อำเภอที่มีพื้นที่เสี่ยงน้ำล้นตลิ่ง ได้แก่ อ.เมืองปทุมธานี อ.สามโคก และ อ.ลาดหลุมแก้ว และแขวงทางหลวง เข้าร่วม 

โดยผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้ติดตามการพยากรณ์สภาพอากาศ การคาดการณ์อากาศในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เพื่อประเมินปริมาณฝนที่จะตกในพื้นที่ ซึ่งจนถึงปัจจุบันพบว่า ปริมาณฝนอยู่ในระดับปกติ ส่วนการบริหารจัดการน้ำ โครงการชลประทาน และโครงการส่งน้ำฯ ทั้ง 3 แห่ง ได้ชี้แจงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ของจังหวัดปทุมธานีให้ทราบ รวมถึงการเตรียมความพร้อมรองรับน้ำจากทางเหนือที่จะลงมาด้วย นอกจากนี้ 3 อำเภอ ได้ชี้แจงการเตรียมความพร้อมของแต่ละพื้นที่ด้วย  

ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี สั่งการเน้นย้ำให้ชลประทาน และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี เป็นหน่วยหลักในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี โดยต้องติดตามสถานการณ์น้ำเหนืออย่างใกล้ชิด  สำรวจ และเตรียมอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เครื่องสูบน้ำ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับในพื้นที่ เพื่อไม่เกิดความสับสนและตื่นตระหนก และให้อำเภอประสานงานกับท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมเข้าช่วยเหลือแก้ไขปัญหาอุทกภัย และดูแลประชาชนหากได้รับความเดือดร้อนในทันที 

ขณะที่ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ก็มีความเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปทุมธานี เช่นเดียวกัน โดย นายปกรณ์พัฒน์ เทพเอื้อตระกูล ประธานภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุธานี พร้อมตัวแทนภาคประชาชน ได้ยื่นหนังสือ ขอสอบถามถึงการจัดทำงบประมาณของ อบจ.ปทุมธานี ปี 2567 โดยมี นางจีระกิต อิศรวิชิตชัยกุล รองปลัดอบจ.ปทุมธานี รับหนังสือสอบถามแผนการที่จะใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนปทุมธานีอย่างไร พร้อมชี้แจงประชาชน เนื่องจากเงินงบประมาณทั้งหมดก็คือ เงินภาษีของประชาชน ฉะนั้น ประชาชนเองก็มีสิทธิที่จะสอบถาม ส่วนหน่วยงานภาครัฐเองก็ต้องสามารถมีคำตอบที่ดีให้กับประชาชนเช่นกันเพื่อความโปรงใสและสามารถตรวจสอบได้ งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 ที่เหลือสามารถนำมาใช้ช่วยเหลือประชาชน ในภาวะเกิดอุทกภัยน้ำท่วม เช่น การป้องกัน หรือการเยียวยาผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วม ทางภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุมธานี จึงขอความชัดเจนของแผนการใช้งบประมาณรายจ่าย เพิ่มเติมปี 2567 และระยะเวลาที่จะใช้ ก่อนจะใช้ได้ไม่ทัน วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นวันขึ้นปีงบประมาณใหม่ 

นายปกรณ์พัฒน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากงบประมาณของอบจ.ปทุมธานี ไม่ว่าใครจะมาเป็นนายก ก็ต้องใช้งบประมาณของอบจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นภาษีที่เก็บจากประชาชนชาวปทุมธานีของเรา ในส่วนของภาคประชาชนในการนำของภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุมธานี ช่วงนี้เกิดวิกฤติคือน้ำหลาก ถ้าเรามีนายกอบจ.มาแล้ว งบประมาณที่ยังไม่สามารถบริหารได้ ความทุกข์ยากจะตกอยู่ที่ชาวปทุมธานี ถึงแม้ว่าจะมีรักษาการโดยปลัด อบจ. เรามีความเป็นห่วงเรื่องงบประมาณควรจะเร่งรีบทำในเดือนที่ยังไม่มีนายก อบจ. นอกจากจะยื่นหนังสือที่ อบจ.ปทุมธานีแล้ว ทางภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุมธานียังได้ทำหนังสือถึงท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีให้เร่งดำเนินการด้วย 

นายพงศธร อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา รองเลขาธิการ ภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุมธานี กล่าวว่า ในการที่เรามาทวงถามเกี่ยวกับงบประมาณส่วนเพิ่มเติมจากปี 2567 ในเวลานี้เป็นสุญญากาศในการที่ไม่มีผู้รับผิดชอบดูแลทางด้านนี้ อาจจะมีรักษาการแทนฯ คือทางปลัด พวกเราจึงได้ติดตามทวงถามว่าการบริหารงบประมาณเหล่านี้อย่างไรบ้าง เนื่องด้วยมีปัญหาน้ำจะท่วมพื้นที่จังหวัดปทุมธานี อยากทราบการบริหารจัดการอย่างไรกับงบประมาณส่วนนี้เพื่อดูแลความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน 

   นายธนวัฒน์ ศรีสุข ตัวแทนภาคประชาชน กล่าวว่า เนื่องจากปกติแล้วงบประมาณจะหมดในวันที่ 1 ตุลาคม จะมีเวลาในงบประมาณเหลืออีกไม่นาน และขณะนี้ก็ไม่มีใครเซ็น อนุมัติ งบเหล่านี้ได้ ส่งผลให้งบประมาณปี 2567 นี้ จะตกไปที่ปี 2568 ซึ่งจะเบิกจ่ายยาก ถ้ายังไม่เบิกงบหรือมีแผนตั้งงบเอาไว้ เมื่อประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ปัญหาเงินเยียวยา เงินป้องกัน จะเอางบตรงไหนมาทำ 

ขณะที่ผู้สมัครชิงนายกอบจ.ปทุมธานี ก็ได้ให้ความสำคัญในนโยบายเรื่องการบริหารจัดการน้ำไม่ต่างกัน โดยนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครนายกอบจ.ปทุมธานี หมายเลข1ลงพื้นที่หาเสียงเพื่อพบปะแนะนำตัวรวมถึงชูนโยบายต่อพี่น้องประชาชน และดูสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง เขตอำเภอสามโคก จ.ปทุมธานี โดย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ในวันนี้ ตนรู้สึกดีใจที่มีประชาชนยังให้การต้อนรับ เชียร์ตนเองเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ถือเป็นพลังสำคัญให้ตนทำหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชน ตนเองมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อพัฒนาจังหวัดปทุมธานีและยกระดับความเป็นอยู่ของน้องประชาชนในหลายด้านตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับพี่น้องประชาชน เราจะสานต่อสิ่งที่ทำสำเร็จ และจะผลักดันให้เกิดสิ่งดีๆ เพื่อพี่น้องประชาชน   

นายชาญ กล่าวต่อว่า โดยตนถือโอกาสดูสถานการณ์น้ำบ้านเรือนพี่น้องประชาชนที่อยู่ติดริมน้ำเจ้าพระยา ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยที่ขณะนี้น้ำเจ้าพระยาเริ่มเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนจากนั้นเดินทางไปที่ประตูระบายน้ำคลองบางเตย พบเจ้าหน้าที่กรมชลประทานกำลังตรวจสอบเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ และตรวจสอบการใช้งานเพื่อรองรับน้ำเหนือที่จะปล่อยมาในช่วงนี้ โดยได้พูดคุยกับทีมช่างของกรมชลประทานและมีความห่วงใยในการทำงาน ต้องใช้ความระมัดระวัง ซึ่งขณะนี้ทีมช่างกำลังจะลงไปทำความสะอาด ใต้น้ำเพื่อให้การสูบน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในการระบายน้ำในคลองบางเตยออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา 

“ปัญหาของการแก้เรื่องน้ำท่วมในจังหวัดปทุมธานีนั้นไม่ใช่เรื่องขององค์ความรู้ในการแก้ปัญหา แต่เป็นเรื่องความตั้งใจในการแก้ปัญหามากกว่าต้องมีความจริงใจและใส่ใจกับปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ปัญหาน้ำท่วมสามารถช่วยเหลือและเยียวยาได้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีใครตั้งใจเข้ามาแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างจริงจัง ซึ่งตนเองมีประสบการณ์เรื่องน้ำดี ที่ผ่านมามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และสามารถทำได้ทันที ถ้าเข้ารับตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี” 

ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครนายกอบจ.ปทุมธานี เบอร์ 3 กล่าวว่า สิ่งที่เป็นกังวลขณะนี้คือปัญหาอุทกภัยมาแล้ว ทางเหนือโดนแล้ว ปทุมธานีต้องรองรับน้ำแน่ ขณะเดียวกันยังไม่เตรียมการ ว่าจะป้องกันอย่างไร ตนให้ความสำคัญกับพี่น้องประชาชน ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อวต้องแก้ไขปัญหาให้เร็ว ต้องมีการวางแผนป้องกัน ไม่ใช่ปล่อยให้เหตุมันเกิด พี่น้องประชาชนเดือดร้อนแล้วค่อยมาเยียวยาทีหลัง หลังจากนั้นยังต้องวางแผนต่อไปอีกเกี่ยวกับโรคระบาดที่มากับน้ำท่วมมีอะไรบ้าง สาธารณสุขก็ต้องมาช่วยกันวางแผน ทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนต้องระดมกำลังรวมกันเพื่อป้องกันเตรียมการแก้ไข ขณะนี้ทำได้แต่ฝากผู้ที่เกี่ยวข้อง