คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย
เวลาของการแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯยังคงเหลืออีกแค่เพียงสองเดือนเท่านั้น ทำให้การหาเสียงระหว่าง “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”และ “รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส” ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
และถึงแม้ว่าขณะนี้คะแนนนิยมของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส กำลังพุ่งทะยานนำเหนือกว่าอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อยู่ระหว่าง 5% ถึง 7% ก็ตาม แต่ยังไม่มีหลักประกันใดๆชี้ชัดได้ว่า เธอจะมีชัยชนะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาอย่างแน่นอน!!!
ฉะนั้นการดีเบตประชันฝีปากที่จะจัดให้มีขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2024 นับว่าเป็นช่วงวัดใจหัวเลี้ยวหัวต่อ และยังไม่แน่ใจว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริส จะสามารถรักษาคะแนนนิยมที่กำลังพุ่งขึ้นสูงตามลำดับในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ได้แบบตลอดรอดฝั่งหรือไม่? และหากว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริส สามารถเอาชนะการดีเบตในครั้งนี้ได้ โอกาสที่เธอจะรักษาโมเมนตัมเอาไว้ได้ ก็ย่อมจะมีโอกาสสูงมากขึ้น
แต่ในทางกลับกันการดีเบตครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีของประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยเช่นกัน เพราะหากเขาทำการบ้านฝึกฝนมาเป็นอย่างดี จนสามารถทำสร้างคะแนนนิยมให้ตีคู่สูสีกันได้ ก็ย่อมจะทำให้กระแสความฮอตฮิตของรองประธานาธิบดีแฮร์ริสถดถอยหยุดชะงักลง และย่อมจะทำให้เกมการเลือกตั้งเกิดพลิกผันขึ้นในทันที!!!
อนึ่งคะแนนนิยมในรัฐสวิงทั้งเจ็ดรัฐ ซึ่งนั่นก็คือ รัฐเพนซิลเวเนีย รัฐวิสคอนซิน รัฐมิชิแกน รัฐจอร์เจีย รัฐนอร์ท แคโรไลนา รัฐอริโซนา และรัฐเนวาดา ที่ขณะนี้ดูเหมือนว่าคะแนนนิยมระหว่างรองประธานาธิบดีแฮร์ริส กับ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ต่างก็มีสูสีคู่คี่กันกันสูง โดยการแข่งขันเลือกตั้งครั้งที่ผ่านๆมา รัฐสวิงทั้งเจ็ดนี้มักจะเป็นตัวพลิกผลการเลือกตั้ง
อนึ่งรัฐเพนซิลเวเนีย รัฐมิชิแกน และรัฐวิสคอนซินซึ่งเป็นรัฐที่มีความสำคัญด้านอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสหรัฐฯ โดยการเลือกตั้งเมื่อปีค.ศ. 2020 “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” เคยได้รับชัยชนะจากทั้งสามรัฐนี้ แต่หากว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริสไม่สามารถรักษาคะแนนเสียงของทั้งสามรัฐนี้เอาไว้ได้ โอกาสที่เธอจะได้รับชัยชนะในตำแหน่งประธานาธิบดี ก็นับว่ามีน้อยมากเต็มทน
ส่วนรัฐจอร์เจีย รัฐนอร์ท แคโรไลนา รัฐแอริโซนาและเนวาดา ซึ่งเป็นรัฐที่อยู่ในแถบร้อนทางตอนใต้ของสหรัฐฯ และทั้งสี่รัฐนี้เปรียบเสมือนสมรภูมิของพรรคเดโมแครตด้วยเช่นกัน โดยการเลือกตั้งเมื่อปีค.ศ. 2020 อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ สามารถเก็บคะแนนเอาชนะที่รัฐนอร์ท แคโรไลนาได้เพียงรัฐเดียวเท่านั้น
ขณะนี้ดูเหมือนว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังทั้งทุ่มทั้งเทหว่านเม็ดเงินโฆษณาในรัฐเพนซิลเวเนีย และ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา อย่างมากมายมหาศาล เพื่อต้องการที่จะสกัดคะแนนนิยมของรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ให้หยุดชะงักลงนั่นเอง!!!
อย่างไรก็ตามหากดูคะแนนอิเล็กโทรัล ซึ่งถือเป็นตัวชี้ขาดว่า ระหว่างอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริสใครจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯคนต่อไป
ซึ่งในขณะนี้ดูเหมือนว่าคะแนนอิเล็กโทรัลของ อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังนำอยู่ที่ 219 ต่อ 208 คะแนน
ดังนั้นนักการเมืองทั้งสองจะต้องแข่งขันเพื่อแย่งชิงคะแนนที่ขณะนี้กำลังมีสูสีคู่คี่แบบได้ยินเสียงหายใจรดต้นคอ โดยคะแนนที่มีทั้งหมด 111 คะแนน (Toss Ups) ที่มี 10 รัฐด้วยกัน สามารถจะพลิกผันเข้าไปอยู่ในอุ้งมือของใครในสองนักการเมืองคู่แข่งขันนี้ก็ได้
และในวันที่ 10 กันยายน 2024 อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จะเผชิญหน้าปะทะฝีปากกันเป็นครั้งแรก ในเวลา 9.00 PM (ตามเวลาในภาคตะวันออกของสหรัฐฯ) โดยจะจัดขึ้นที่ รัฐฟิลาเดลเฟีย ซึ่งเป็นรัฐที่นักการเมืองทั้งสองคนต่างหวังที่จะเอาชนะในรัฐนี้ด้วยกันทั้งคู่
เป็นที่คาดการณ์ว่า ประเด็นร้อนๆที่ทั้งสองนักการเมืองจะหยิบยกขึ้นมาปะทะกัน คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของเศรษฐกิจ และเรื่องการทำแท้งซึ่งทั้งสองประเด็นนี้มีความสำคัญเท่าๆกัน โดยก่อนหน้านี้อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาต่อต้านการทำแท้งอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่เมื่อเขาเล็งเห็นว่า กลุ่มสตรีให้ความสำคัญต่อสิทธิในการทำแท้งเป็นอย่างสูง เขาได้เปลี่ยนจุดยืนใหม่ในนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนประเด็นร้อนๆอื่นๆก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องปัญหาคนต่างด้าว เรื่องสงครามยูเครน และเรื่องสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอิสราเอลและกลุ่มนักรบฮามาส
ทั้งนี้กติกาที่มีการปิดไมโครโฟนของอีกฝ่ายระหว่างการดีเบตก็ยังคงมีอยู่ เพื่อขจัดปัญหาการโพล่งขึ้นมาพูดขัดจังหวะอย่างที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์มักจะกระทำเมื่อครั้งที่ผ่านๆมา
การดีเบตครั้งนี้นับเป็นการเสี่ยงอย่างมากของทั้งสองนักการเมือง เพราะคาดว่าจะมีชาวอเมริกันรับชมกว่า 270 ล้านคน และหากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดเพลี่ยงพล้ำไม่สามารถประชันฝีปากโต้ตอบของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างทันเกม โอกาสที่จะแก้ตัวก็แทบจะไม่มี เพราะอาจจะไม่มีการดีเบตในครั้งที่สองอีกต่อไป!!!
กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นวันเสาร์ที่ 10 กันยายน 2024 ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อและเป็นช่วงเสี่ยงดวงของ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” และของ “รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส” ที่เขาทั้งคู่จะต้องค้นคว้าอ่านตำราพิชัยสงครามของสหรัฐฯ ตามมาด้วยลับฝีปากของตนเองให้แหลมคม และทำการบ้านกันอย่างหนักหน่วง เพราะทั้งคู่ไม่สามารถพลาดได้แม้แต่เสี้ยววินาที ซึ่งจะมีชาวอเมริกันวางตัวเหมือนเป็นกรรมการเฝ้าจับตาคอยดูการเสนอวิสัยทัศน์ ดูความเป็นผู้นำของนักการเมืองทั้งสองคนว่า ใครเสนอได้อย่างถูกใจและเข้าตา? ซึ่งวันนั้นผมขอเรียนเชิญให้ท่านผู้อ่านเข้ารับฟังด้วยละครับ