"ในหลวง"โปรดเกล้าฯ "ครม.อิ๊งค์1" ไม่พลิกโผ! "ภูมิธรรม" ควบ "รมว.กลาโหม" ด้าน "เอกณัฐ"นั่ง รมว.อุตฯ ขณะที่ "รมต.ใหม่" ถวายสัตย์ 6 ก.ย.นี้ "ภูมิธรรม" เผยเตรียมประชุม "ครม. นัดพิเศษ" 7 ก.ย.67 ทำคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 16 ก.ย.67 มีเนื้อหาประมาณ 55-60 หน้า โดยยังมีนโยบายหลักเร่งด่วนอีก 5-6 ประเด็น

    
เมื่อวันที่ 4 ก.ย.67 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ แต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมแต่งตั้ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 16 สิงหาคม พุทธศักราช 2567 แล้วนั้น
    
บัดนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้
    
นายภูมิธรรม เวชยชัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรองนายกฯรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายพิชัย ชุณหวชิร เป็นรองนายกฯรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
    
นายชูศักดิ์  ศิรินิล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวจิราพร สินธุไพร เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสรวงศ์ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
    
นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรัฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอัครา พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
    
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นรัฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
    
นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็นรัฐมนตรีชั่วกันกระทรวงมหาดไทย พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
    
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พลตำรวจเอกเพิ่มพูน  ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
    
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศในวันที่  3 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นปีที่9ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 
    
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อม ครม.ชุดใหม่ เตรียมเข้าเฝ้าถวายสัตย์ก่อนปฎิบัติหน้าที่ ในวันที่ 6 กันยายน 2567 เวลา ประมาณ 17.00 น. ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน  โดยเวลา 14.00 น. ขอให้นายกฯ และรัฐมนตรีชุดใหม่ เดินทางมาพร้อมกันที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายรูปทำบัตรประจำตัว และเวลา 15.00 น. นายกฯ และรัฐมนตรีชุดใหม่ ขึ้นรถตู้ที่สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดเตรียมไว้พร้อมกัน เพื่อไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน พร้อมกัน นอกจากนี้  สลค.ได้แจ้งรัฐมนตรีชุดใหม่ในวันพฤหัสบดีที่ 5 ก.ย. 67 เวลา 10.00 น. ขอให้เข้ามาตรวจ RT-PCR   ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล หากตรวจเอง ขอให้นำผลตรวจไปแสดงให้ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังในวันเข้าเฝ้าฯ
    
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ ภายหลังมีการโปรดเกล้าฯคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ และครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว ว่า ถ้ามีการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภา ฉะนั้นการประชุม ครม.นัดพิเศษนัดแรก ก็จะนำนโยบายที่ต้องแถลงต่อรัฐสภา มาหารือในที่ประชุมด้วย ซึ่งมีพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เพื่อให้เข้าใจตรงกัน และจะได้นำส่งสภาต่อไป 
    
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคก็ทำงานร่วมกันมาตลอด ใครคิดอะไรก็พูดและเสนอกันมาแล้ว ซึ่งแต่ละพรรคก็ต้องเอานโยบายมาพูดคุยกัน ถ้าเหมือนกันก็ไปด้วยกันก็ส่งไป แต่ถ้าไม่เหมือนกันหรือเห็นต่างกันก็หาจุดเหมาะสมที่เป็นนโยบายกลางของรัฐบาล ซึ่งจริงๆก็จะพูดนโยบายหลักๆที่สำคัญๆโดยพูดเรื่องหลักการ ไม่มีบอกรายละเอียดว่าจะจัดการเรื่องนั้นอย่างนี้ แต่เป็นเรื่องกรอบใหญ่ เช่น นโยบายที่จะแก้ปัญหาความยากจนให้ประชาชน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่พูดคุยกันมาต่อเนื่องอยู่แล้ว
    
“เขาคุยกันมาบ้างแล้ว ที่บอกว่าเขาจะเสนออะไรกัน จริงๆเกือบไม่ต้องทำอะไรใหม่ ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลใหม่ แต่ว่ากรอบใหญ่มันก็เหมือนเดิม แต่อาจมีอะไรที่ต้องปรับบ้าง เพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ก็ต้องมาดูก็ต้องมาคุยกันก็เท่านั้นเอง เพื่อหาจุดร่วมกัน“ นายภูมิธรรม กล่าว
    
เมื่อถามถึงเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราคุยกับพรรคร่วมมาตลอด และไม่มีอะไรที่เห็นแตกต่างกัน จะมีแค่รายละเอียดตรงนั้น ตรงนี้ อย่างนี้ 
    
เมื่อถามต่อว่าจะมีพูดคุยเรื่องหลักเกณฑ์การจ่ายเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตให้เป็นเงินสดหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าเรายังยืนยันว่าเราจะจัดการเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลักใหญ่ก็จะประมาณนี้ แต่คนเขียนเขาจะสรุปอย่างไร ตนไม่ได้เข้าร่วมในการทำนโยบาย
    
เมื่อถามอีกว่า วันประชุม ครม.นัดพิเศษ จะมีการแถลงเปิดเผยนโยบายร่วมกันหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า พอประชุมเสร็จ และไปแถลงที่สภาก็เปิดเผยอยู่แล้ว คงต่างกันแค่ 1-2 วัน ซึ่งตอนนี้ก็ไม่มีอะไร เพียงแค่หารือให้ครบถ้วนกับกระบวนการเพื่อจะเข้ามาบริหารประเทศเท่านั้นเอง
    
เมื่อถามด้วยว่า หากมองไปข้างหน้าเรื่องของงานสภา เราจะเห็นนายกรัฐมนตรี ไปตอบกระทู้เป็นประจำ ต้องมีการติวอะไรนายกฯเป็นพิเศษหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ต้องติวหรอก นายกฯของตนเก่งจะตาย ทุกคนเวลาจะไปพูดในสภาถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง หรือเป็นเรื่องที่ต้องดูรายละเอียดต่างคนก็ต่างรู้อยู่แล้ว เรารู้หลักๆทุกเรื่อง แต่เรื่องรายละเอียดเป็นเรื่องที่ฝ่ายประจำ เขาทำมา เราก็ต้องดู แต่จะมาติวหรือซ้อมพูดอะไรไม่ต้อง ทุกคนเป็นธรรมชาติของตนเองอยู่แล้ว ทุกคนก็เห็นว่านายกฯ พูดปราศรัยอะไรต่างๆชัดเจนฉะฉาน เข้าใจประเด็นมีภูมิปัญญามองประเด็นหลักๆได้ ยืนยันว่าไม่ต้องติวและไม่เคยติวใคร
    
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ ในวันที่ 7 ก.ย.67 เพื่อหารือเตรียมการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในที่ 16 ก.ย.67 จากนั้นในวันที่ 17 ก.ย. นายกฯ จะนำครม.ชุดใหม่ ประชุมอย่างเป็นทางการนัดแรก ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเร่งผลักดันนโนบายดิจิทัลวอลเล็ตให้ทันการใช้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท ที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้
    
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับการแถลงแถลงนโยบายของ ครม. ต่อรัฐสภาในวันที่ 16 ก.ย. น.ส.แพทองธาร จะนำแถลงนโยบายรัฐบาล มีเนื้อหาประมาณ 55-60 หน้า โดยยังมีนโยบายหลักเร่งด่วน 5-6 ประเด็น ที่จะปรับปรุงมาจากนโยบายในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี มาปรับแก้ไข เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังคงมีอยู่ แต่จะมีการนำมาปรับแก้ไข ต่อยอดในรัฐบาล น.ส.แพทองธารด้วย