ตำรวจไซเบอร์จับสาวเบญจเพส 3 หมายจับ เครือข่ายฉ้อโกงอ้างเป็นบริษัทบัตรเครดิตลวงผู้เสียหาย
วันที่ 4 ก.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 จับกุมตัวน.ส.ศิริวรรณ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.84/2566 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่นโดยทุจริต เพื่อหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งเพื่อให้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน โดยจับได้ที่สถานีรถไฟอยุธยาจ.พระนครศรีอยุธยา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจขอศาลออกหมายจับอีกจำนวน 2 หมาย
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 พ.ย.65 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ขณะที่กำลังพักอยู่ที่บ้าน ได้มีมิจฉาชีพเป็นผู้หญิงโทรเข้ามาอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทบัตรเครดิตชื่อดัง แจ้งว่าผู้เสียหายได้เปิดบัตรเครดิตที่ธนาคาร สาขาโคราช และใช้บัตรดังกล่าวไปรูดเงินซื้อทองคำ ในราคา 98,653 บาท เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ผู้เสียหายจึงปฏิเสธไม่ใช่เจ้าของบัตร หญิงคนดังกล่าวจึงแนะนำให้แจ้งความกับตำรวจ สภ.โคราช
จากนั้นมิจฉาชีพจึงโอนสายไปให้ชายปริศนาที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ให้ผู้เสียหายแอดไลน์ชื่อ “สภ.เมืองนครราชสีมา” และได้ส่งรูปบัตรตำรวจให้ผู้เสียหายดู จากนั้นได้ขอข้อมูลส่วนตัวผู้เสียหายเพื่อไปตรวจสอบ โดยขณะคุยสายนั้น มีการสร้างสถานการณ์โดยมิจฉาชีพให้บุคคลที่ 3 แสร้งทำเป็นพูดวิทยุเข้ามา และเอ่ยชื่อผู้เสียหาย พร้อมพูดว่าพบการพัวพันกับคดีฟอกเงินโดยมีความเกี่ยวพันกันหลายคน
ต่อมามิจฉาชีพจึงขอข้อมูลว่าผู้เสียหายมีบัญชีธนาคารของแต่ละธนาคารกี่บัญชี และใช้งานแอป Mobile Banking ของธนาคารใดบ้าง และมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้ข้อมูลไป ต่อมามิจฉาชีพจึงส่งเอกสารที่อ้างว่ามาจาก ป.ป.ง. เพื่อขอตรวจสอบเส้นทางการเงิน และแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินไปตรวจสอบ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อโอนเงินไปหมดทุกบัญชี รวมทั้งสิ้นจำนวน 197,599 บาท เมื่อรู้ตัวว่าโดนหลอกลวงจึงได้เข้าแจ้งความในเวลาต่อมา
จากนั้นชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนกระทั่งติดตามจับกุมตัว 1 ในผู้ต้องหาของขบวนการดังกล่าวได้ก่อนขยายผลมา จับกุมตัว นางสาวศิริวรรณ เบื้องต้นให้การว่า เป็นเจ้าของบัญชีที่ใช้หลอกให้โอนเงินจริง โดยได้รู้จักกับคนที่ว่าจ้างเปิดบัญชีผ่านทางเฟชบุ๊ก ได้ค่าตอบแทนจำนวนบัญชี 1,000 บาทต่อบัญชี
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบอีกว่า นางสาวศิริวรรณ ยังมีหมายจับอีกจำนวน 2 หมาย ในความผิดลักษณะเดียวกันซึ่งเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนบก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป