วันที่ 3 ก.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือต่อเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการเลือกตั้ง นายก อบจ.ราชบุรี อ้างว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ อาจมีการทุจริตเกิดขึ้น จึงขอให้ กกต.ระงับการรับรองผลการเลือกตั้งดังกล่าวไว้ก่อน โดยทนายอั๋น ระบุว่าประชาชนในพื้นที่ได้ส่งหลักฐานเป็นซองเงินที่อ้างว่าได้รับมาจากหัวคะแนน พร้อมส่งข้อความรายละเอียด บอกว่า “เบอร์2 คนละ 200 ส่วนใหญ่คนที่เดินก็เป็นกำนัน ผู้ใหญ่ให้คนรู้จักเดินซองอีกที” นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานเป็นข้อความที่พลเมืองดีส่งมาให้ข้อมูล เช่น “ผมคนราชบุรี รับมาแล้ว 200 บาท”
นายภัทรพงศ์ เผยว่าการเลือกตั้งนายก อบจ. ราชบุรี ครั้งที่ผ่านมาเป็นที่กล่าวขานหลายมิติ บอกกันว่าการเลือกตั้งอาจไม่สุจริตเที่ยงธรรม โดยกลไกผู้นำหมู่บ้านอย่าง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อสม. มาเป็นหัวคะแนน นำเงินไปแจกจ่ายให้กับชาวบ้าน ซึ่งหลังการเลือกตั้ง ในสังคมออนไลน์ก็มีการนำเรื่องนี้มาเปิดเผยเป็นวงกว้าง แต่น่าแปลกใจที่ ประธานและเลขาธิการ กกต. บอกว่าไม่มีการทุจริต ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ตัวเองก็เคยได้รับหลักฐานจากประชาชนส่งมาผ่านช่องทางออนไลน์ บอกว่าได้รับเงิน 200-300 บาท พร้อมแนบหลักฐานเป็นรูปซองเงินมาให้ด้วย และยังมีหลักฐานที่ตัวเองได้มา คือ ภาพการนับคะแนนในหน่วยเลือกตั้ง ซึ่งหากดูจากสายตาจะเห็นว่าเบอร์ 1 พรรคประชาชน คะแนนนำอยู่สองคะแนนแต่ท้ายที่สุดเมื่อนับคะแนนเสร็จกลับลงให้เบอร์ 2 ชนะคะแนน 4 แต้ม
ทั้งนี้ นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าพรรคประชาชน คือ ผู้เสียหายเนื่องจากส่งผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่ง และขณะนี้ก็น่าจะกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ ทั้งหลักฐานในโซเชียล รวมถึงกล้องวงจรปิดที่ก่อนหน้านี้ก็มีคนนำมาเปิดเผย ว่ามีการนำหัวคะแนนไปแจกเงินให้ถึงบ้านของประชาชน
“ เรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คงหนีไม่พ้นผู้ลงสมัครจากพรรคประชาชน ที่คะแนนรองลงมาจากอันดับหนึ่ง แต่ผมอยากให้ กกต.ได้มีการประกาศระงับตำแหน่งนายก อบจ.ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน อย่างเช่น ตัวอย่างกรณีของลุงชาญ อบจ.ปทุมธานี ที่ทางป.ป.ช.ชี้มูลไว้ แต่กรณีของ อบจ.ราชบุรีนั้น ตอนนี้มีคนยื่นฟ้องร้องแล้ว และทางศาลทุจริตได้ประทับรับฟ้อง ซึ่งเรื่องนี้ต้องติดตามกันต่อไป โดยหวังว่า ทาง กกต.จะไม่จบที่ใบเหลืองหรือใบแดง ดังนั้น ทางออกของ กกต. ในเรื่องนี้คือการให้ใบเหลืองและประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่เหมือนการเลือกตั้ง อบจ.ปทุมธานี” นายภัทรพงศ์ กล่าว
นายภัทรพงศ์ ยังไม่เชื่อมั่นว่าทาง กกต. จะมีการตรวจสอบเอาผิดเรื่องนี้ได้ จึงมีแผนสอง คือหลังจากนี้ตัวเองจะไปยื่นเรื่องกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานอัยการสูงสุด เพราะก่อนหน้านี้ นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา หรือ กำนันตุ้ย เคยมีเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบ และขณะนี้อยู่ในชั้น ป.ป.ช. ซึ่งตามบันทึกกฤษฎีกาผู้นำท้องถิ่นที่มีเรื่องร้องเรียนจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน ไม่สามารถปฏิบัติภารกิจใดๆได้
เมื่อถามโซเชียลบอกว่าพรรคประชาชนเองก็มีการซื้อเสียงเหมือนกันนั้น นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าเรื่องพรรคประชาชนซื้อเสียงไร้สาระมาก เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ในฐานะที่เคยร่วมงานกับพรรคสีส้มเวอร์ชั่นแรก คือพรรคอนาคตใหม่ จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ ไม่ซื้อหรอก
เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจว่าพรรคประชาชนไม่มีการซื้อเสียงใช่หรือไม่นั้น นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ถามว่าเอาเงินมาจากที่ไหนตัวผู้สมัครเองก็ไม่ใช่คนร่ำรวย หรือทายาทของพวกบ้านใหญ่ ถามว่าจะเอาเงินจากใคร นายธนาธรหรือ ซึ่งเขาว่ากันว่านายธนาขี้เหนียวจะตาย จึงมองว่าไม่มีทางที่พรรคประชาชนจะซื้อเสียง
เมื่อถามอีกทราบว่าผู้สมัครก็ไม่ธรรมดาเป็นนักธุรกิจนั้น นายภัทรพงศ์ กล่าวว่าไม่ทราบ แต่โดยประเพณีปฏิบัติพื้นฐานของพรรคส้มตั้งแต่เวอร์ชั่น 1-3 เขาไม่มีเรื่องพวกนั้น แต่ตนไม่รู้ว่าตัวผู้สมัครเป็นใครอะไร แต่ถ้าเขาจะแอบไปซื้อเสียงและหากมีหลักฐานก็ให้เอามา อย่างไรก็ตามแม้ผู้สมัครเบอร์ 1 จะไม่ได้ชนะเลือกตั้ง แต่ถ้าคุณไปซื้อเสียงก็ผิด ก็จะได้รับโทษ โดยส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะไม่มีมูลความจริง เป็นแค่ fake News เท่านั้น