วันที่ 3 กันยายน 2567 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) ภายใต้การอำนวยการของนายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายจักรกฤช ตันเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.สิทธิพร กะสิ ผกก.2 บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ลงพื้นที่เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่าย “เจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับส่วยรถบรรทุก” เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 11 จุด ทั่วประเทศ เพื่อกวาดล้างจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 จำนวน 3 หมายจับ ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ชัยภูมิ จ.เพชรบูรณ์ จ.นครปฐม จ.ชลบุรี จ.เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร
จากปฏิบัติการดังกล่าวเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาคนสำคัญในขบวนการดังกล่าว ได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายนพดล แสนงาย อายุ 57 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และ เป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check , นายอเนก คำโฉม อายุ 59 ปี ตำแหน่งนายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้านครราชสีมา และนายธงชัย เต็มฟอม หรือ บอย อายุ 38 ปี พลเรือนซึ่งทำหน้าที่เป็นหน้าเสื่อคอยเคลียร์กับผู้ประกอบการรถบรรทุก ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 3 ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานร่วมละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” พร้อมเชิญตัว นายประทิน โพธิ์ชัยรัตน์ อายุ 39 ปี เจ้าของบัญชีม้ามารับทราบข้อกล่าวหาด้วยเช่นเดียวกัน
สืบเนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบการรถบบรรทุกยื่นเรื่องร้องเรียน หลังถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงร่วมกับพลเรือน เรียกเก็บส่วย รถเครน และรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เมื่อปี 2566 เจ้าหน้าที่จึงเร่งสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนพบข้อมูลสำคัญว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้เป็นเจ้าหน้าที่สำนักควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ (สคน.) หน่วยงานในสังกัดของกรมทางหลวง ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนจับกุมรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่วิ่งบนทางหลวง แต่กลับใช้อำนาจหน้าที่ในการเป็นหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ เรียกเก็บเงินส่วยรายเดือนจากผู้ประกอบการเพื่อแลกกับการไม่จับกุมดำเนินคดี โดยมีนายธงชัย ที่เป็นพลเรือน ทำหน้าที่เจรจาเรียกรับเงินแทน หากผู้ประกอบการรายใด ไม่ทำตามก็จะถูกกวดขันจับกุมอย่างหนักจนกระทบต่อกิจการ โดยทำเช่นนี้มานานหลายปี
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2562 - 2563 มีผู้เสียหายรวมมากกว่า 30 ราย และมีมูลค่าเสียหายรวม 120 ล้านบาท และเงินส่วยหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1,400,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งเงินที่ได้มาจะถูกโอนไปยังบัญชีม้าของนายประทิน ก่อนจะถูกโอนถ่ายไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่หัวหน้าขบวนการตามลำดับ
เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการสืบหารวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยานบุคคลต่าง ๆ กว่า 30 ราย และขออำนาจศาลออกหมายจับจนนำมาสู่การตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ และ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างนำตัวเข้าตรวจค้นห้องทำงานที่ ด่านบางประอิน และด่านวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดของผู้ถูกกล่าวหา และขยายผลการสืบสวนถึงความเชื่อมโยงกับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป