วันที่ 3 ก.ย.67 เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สร.2 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้สุรินทร์ เจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปราสาท และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตำบลตาเบา  ได้ร่วมกันจับกุม นายปินทอง อายุ 47 ปี อยู่หมู่  11 บ้านหนองจอก ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์  นายพัชระ อายุ 32 ปี อยู่หมู่ 12 บ้านขวาว ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท และนายประวิทย์ อายุ 37 ปี อยู่หมู่ 11 บ้านหนองจอก ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท พร้อมของกลางที่ตรวจยึด ไม้พะยูง จำนวน 3 ท่อน ปริมาตร 0.19 ลูกบาศก์เมตร ค่าภาคหลวง 15.20 บาทมูลค่าความเสียหาย 47,500 บาทเลื่อยตัด จำนวน 1 ปื้น เลื่อยคันธนู จำนวน 1 ปื้น มีด จำนวน 3 เล่ม  เชือก จำนวน 5 เส้น ข้อกล่าวหาหรือฐานความผิด ตามพระราชบัญญัติบำไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11,69 ฐาน "ร่วมกันทำไม้ หวงห้าม ร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่"

สถานที่เกิดเหตุ บริเวณริมลำคลองเสนงสาธารณประโยชน์ ทางทิศตะวันตกบ้านขวาว หมู่ที่ 12 ห่างประมาณ 400 เมตร ตำบลตาเบา อำเภอปราสาสาท จังหวัดสุรินทร์  โดยมีพฤติการณ์ในการตรวจยึด เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาษาป่าที่ สร. 2 ได้รับแจ้งจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ว่ากำลังมีกลุ่มบุคคล ลักลอบตัดไม้พะยูงที่อยู่ริมลำห้วยเสนง ท้องที่บ้านขวาว ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ จึงได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสายตรวจตำบลตาเบา และฝ่ายปกครองตำบลตาเบา เข้าตรวจสอบ คณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปถึง ที่รับแจ้ง พบไม้พะยูง จำนวน 1 ต้น ถูกตัดฟันล้มลงคาตอ ร่องรอยการตัดโดยใช้เลื่อยมือ ลักษณะใหม่สดยังไม่ได้ ตัดทอน ปลายไม้แช่อยู่ในน้ำและพบเลื่อยตัด จำนวน 1 ปื้น วางซุกซ่อนอยู่ข้างตอไม้ หลังจากนั้นคณะฯ ได้ยินเสียงกลุ่มบุคคลกำลังคุยกัน ทางทิศเหนือของต่อไม้ พบร่องรอยการแผ้วถางไม้ ขนาดเล็กที่อยู่ริมลำหัวย คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามร่องรอย และกระจายกำลังเข้าโอบล้อม พบชาย 3 คน กำลังนั่งรับประทานอาหารกลางวัน ห่างจากท่อนไม้ประมาณ 100 เมตร  เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว เพื่อขอตรวจสอบและสอบถาม

จากการสอบถาม นายปินทอง และนายประวิทย์ บริเวณใกล้ๆกันนั้นพบ เปลผ้าผูกไว้ จำนวน 2 เปล ตั้งแคมป์ พบเลื่อยคันธนู จำนวน 1 ปื้น เชือกไนล่อน สำหรับมัดไม้ จำนวน 5 เส้น มีด จำนวน 3 เล่ม หมวกกันวันน็อค จำนวน 1 ใบ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง พบร่องรอยการแผ้วถางนำทางไปถึงจุดที่มีไม้พะยูงขึ้นอยู่ สอบถามชาย 3 คน อ้างว่าเข้ามาถางป่าข้างๆ ริมห้วย เพื่อประสงค์ที่ใส่เบ็ดหาปลา แต่พฤติกรรมและหลักฐานที่เกิดเหตุ คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้ว เป็นแค่ข้อกล่าวอ้าง ข้อเท็จจริง คือ นายปินทอง กับพวกพร้อมของกลางไม้พะยูง เพื่อที่นำส่งนายทุน อีกทั้งนายปินทอง ได้มีหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์  ข้อหา "ร่วมกันทำไม้หวงห้าม ร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยมีค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่ และร่วมกันซ่อนเร้น จำหน่าย หรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้นซึ่งไม้ ที่ตนรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกรถามชายทั้ง 3 คน ให้ถ้อยคำวกวน ลักษณะเหมือนคนเพิ่งการผ่านการเสพยาบ้าคณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ฐาน"ร่วมกันทำไม้หวงห้าม ร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูป โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวง หรือรอยตรารัฐบาลขายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จากพนักงานเจ้าหน้าที่" จึงได้แจ้งสิทธิตามกฎหมาย และข้อกล่าวหาดังกล่าวข้างต้น ให้กับชายทั้ง 3 คนทราบแล้ว ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึด ไม้พะยูง จำนวน 3 ท่อน ปริมาตร 0.19 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินค่าภาคหลวง 15.20 บาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 47,500 บาท

พร้อมทั้ง ตรวจยึดอุปกรณ์การกระทำผิด เป็นเลื่อยตัด จำนวน 1 ปืน เลื่อยคันธนูจำนวน 1 ปื้น มีด จำนวน 3 เล่ม และเชือก ไนล่อน จำนวน 5 เส้น (รายละเอียดปรากฏตามบัญชีไม้ของกลางและ อุปกรณ์การกระทำผิด เจ้าหน้าที่ตีประทับ ไว้ที่หน้าตัดของไม้ มอบเรื่องราวให้ ร้อยตำรวจเอกปราโมทย์ เที่ยงธรรม รอง สว.กก. สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ นำเรื่องราวพร้อมผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรรปราสาท อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สำหรับไม้ของกลางและอุปกรณ์การกระทำผิด นำมาเก็บรักษาไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่สร.2 (เขาแหลม-ทุ่งมน) ตำบลกังแอน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ในการตรวจยึด-จับกุมครั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ได้กระทำตามอำนาจหน้าที่ที่ชอบด้วยกฎหมาย  มิได้บังคับ ขู่เข็ญแต่อย่างใด