วันที่ 3 ก.ย.67 นายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒน บริหารศาสตร์ (NIDA) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ระบุว่า...
ข่าวเรื่องสุนัขอเมริกันบูลลี่สามตัวรุมกัดชายหนุ่มอายุ 17-18 ปี ในบ้านในห้องนอนจนเสียชีวิตนั้นเป็นข่าวอันน่าสลด เป็นอย่างยิ่ง ผู้เขียนทั้งสองคนเป็นคนรักสุนัขและเลี้ยงสุนัขทั้งคู่ ผู้เขียนคนที่สอง (อรรถสิทธิ์) เป็นแพทย์นิติเวชทำหน้าที่ผ่าชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตและเคยได้ผ่าชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขกัดมาแล้วเช่นกัน
โบราณนั้นว่าสัตว์มีเขี้ยวเล็บงาอย่าไว้วางใจ แต่มีผู้คนทักมามากมายถึงลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของสุนัขพันธุ์อเมริกันบุลลี่บอกว่าสายพันธุ์นี้ไม่ดุร้าย เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของครอบครัวจากประสบการณ์ตรงของผู้เลี้ยงจำนวนมาก ไม่ได้เป็นเหมือนในข่าวเหตุการณ์ที่มีชายหนุ่มเสียชีวิตจากอเมริกันบูลลี่สามตัวรุมกัดเลย คนไทยจำนวนมาก (โดยเฉพาะคนที่รักและเลี้ยงสุนัข) แสดงความคิดเห็นว่าสายพันธุ์นี้เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ดุ ไม่มีอันตราย และน่าจะเกิดจากผู้เสียชีวิตนั้นไม่ได้ดูแลน้องสามตัวอย่างถูกต้องเหมาะสม หรืออาจจะไม่เข้าใจธรรมชาติในการดูแลสุนัขว่าต้องวางตัวเป็นจ่าฝูงที่จะควบคุมสุนัขให้อยู่ในระเบียบให้ได้ จึงเป็นเหตุอันน่าเศร้าสลดในวันนี้
ก่อนอื่นต้องขอทบทวนความรู้ก่อนว่าอเมริกันบูลลี่ เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนาต่อมาจากพิทบูล (Pitbull) อันเป็นคำเรียกรวมของสายพันธุ์ 4 สายพันธุ์คือ American Pit Bull Terrier, American Staffordshire Terrier, American Bulldog, และ Staffordshire Bull Terrier. ว่ากันว่าสายพันธุ์เหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นขึ้นมาเพื่อเป็นสุนัขสำหรับการล่าสัตว์และการกีฬาที่ให้สุนัขกัดกัน
ความหลากหลายของสายพันธุ์ที่ยังไม่นิ่งของพิทบูลเอง ทำให้หลายสมาคมของการพัฒนาพันธุ์สุนัขไม่รับรองสายพันธุ์ เช่น the American Kennel Club ก็ไม่รับรองสายพันธุ์ จนในภายหลัง American Dog Breeders Association (ADBA) เริ่มรับรองสายพันธุ์ American Pit Bull Terrier
พิทบูลเป็นสุนัขพันธุ์ที่ถูกเพาะพันธุ์มาให้แสดงความก้าวร้าวกับสุนัขด้วยกัน แต่ผู้เพาะพันธุ์สุนัขจำนวนมากที่ขาดความรับผิดชอบก็ยังเพาะพันธุ์สายพันธุ์ของพิทบูลที่มีพื้นฐานอารมณ์ลักษณะนิสัย (Temperament) ที่เกรี้ยวกราด
มีข่าวปรากฏเสมอว่าพิทบูลทำร้ายมนุษย์ แม้กระทั่งผู้เลี้ยงให้ข้าวให้น้ำหรือครูฝึกสุนัขเองจนบาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่เสมอ ทำให้หลายประเทศออกกฎหมายห้ามเลี้ยงหรือจำกัดการเพาะพันธุ์ เนื่องจากเป็นอันตรายต่อมนุษย์ และบางประเทศแนะนำให้การุณยฆาต (Euthanize) พิทบูลที่ก่อเหตุร้ายแรง และไม่แนะนำให้นำไปเลี้ยงหรือรับไปเลี้ยงต่อ
ในประเทศไทยเองก็มีเหตุการณ์ที่พิทบูลกัดทำร้ายเจ้าของหรือคนเลี้ยงจนเสียชีวิตมาแล้วมามากมาย ดังปรากฏข่าวอยู่เสมอ
สำหรับผู้เขียนคนแรก (อานนท์) ไม่เคยเลี้ยงพิทบูล แต่เคยกอดและเคยเล่นกับพิทบูลมาแล้วนับสิบตัว พิทบูลนั้นหากอารมณ์ดีเป็นสุนัขที่ฉลาด แสนรู้ อ่อนโยน และขี้อ้อนมาก แต่ไม่ใช่ว่าในทุกเวลาและทุกสถานที่นี่พิทบูลจะเอามากอดเล่นได้ เข้าไปกอดพิทบูลไม่รู้จังหวะและไม่สร้างความไว้วางใจก่อนจะเละเอาได้ง่ายมาก
แต่ด้วยร่างกายอันกำยำแข็งแรงของพิทบูล โดยเฉพาะกรามที่ใหญ่มาก ตลอดจนแรงกัดที่สูงมาก และมีการล็อคของขากรรไกร (Jaw-locked) เวลากัดและกระชากเวลากัด เพราะถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อเป็นสุนัขไว้กัดกันเพื่อการกีฬา ทำให้พิทบูลเป็นสุนัขที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้อย่างยิ่ง
คงไม่เป็นที่ต้องถกเถียงกัน ในทัศนะของผู้เขียนทั้งสองคนเห็นว่ามีสุนัขสายพันธุ์อื่นมากมายที่มีลักษณะเด่นและควรเลี้ยง แม้กระทั่งสุนัขพันทางหรือสุนัขพันธุ์เทศบาล ก็สวยงามและฉลาด หากเลี้ยงดูอย่างดีและสอนให้ถูกต้อง ดังนั้นจึงไม่สมควรและไม่แนะนำให้เลี้ยงพิทบูล ที่อาจจะก่ออันตรายถึงแก่ชีวิตได้ และมีข่าวปรากฎมากมายอยู่แล้ว เพียงแค่ google search ก็จะพบมากมาย
จริง ๆ สุนัขพันธุ์บางแก้วของไทยจากจังหวัดพิษณุโลกนั้นดุกว่าสุนัขพันธุ์พิทบูลเสียด้วยซ้ำ เพราะบางแก้วมาจาก breed ของสุนัขป่ามีสัญชาตญาณของการรวมฝูงและการล่าสูงมาก มีการประกาศอาณาเขตและหวงสถานที่ แต่แม้บางแก้วจะดุมากโดยนิสัย แต่อันตรายนั้นมีน้อยกว่าพิทบูลเพราะบางแก้วกรามไม่ใหญ่และแรงขบของฟันนั้นไม่มากเท่าพิทบูล
ผู้เขียนได้ลองสอบถามสัตวแพทย์หลายคน ลงความเห็นตรงกันว่ากลัวบางแก้วมากกว่า เพราะบางแก้วนั้นดุกว่ามาก มีพื้นฐานอารมณ์ (Temperament) ที่ดุกว่าพิทบูลมาก แต่อันตรายถึงบาดเจ็บหนักหรือเสียชีวิตจากการกัดของบางแก้วเป็นไปได้ยากไม่เหมือนกับพิทบูล
สำหรับ American Bully นั้นเป็นพันธุ์ที่พัฒนาขึ้นมาจาก Pitbull แต่พยายามพัฒนาให้ดุน้อยลง แต่ยังคงชอบลักษณะทางกาย (Phenotype) ที่กำยำล่ำสัน เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ กะโหลกใหญ่ กรามกว้างของพิทบูลอยู่ เพื่อให้เลี้ยงได้ง่ายขึ้น โดยมีการพัฒนาสายพันธุ์ในสหรัฐอเมริกาในช่วง 1980-1990
สายพันธุ์พื้นฐานในการเพาะพันธุ์ American Bully นั้นคือ American Pit Bull Terrier แต่นำไปผสมข้ามพันธุ์กับ bulldog อื่นๆ เช่น the English Bulldog และ the American Bulldog โดยหวังว่าจะให้เป็นมิตรมากขึ้น มีพื้นฐานอารมณ์สงบนิ่งมากขึ้น ไม่ก้าวร้าวจนเกินไป แต่ยังคงบึกบึน กำยำ แข็งแรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ อกกว้าง กรามใหญ่ มีแรงกัดมหาศาลเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม American Bully ก็ยังคงมีระดับของความก้าวร้าวตามสัญชาตญาณเดิมของสายพันธุ์พื้นฐานคือ American Pit Bull Terrier
ปัญหานี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปมากกว่าเดิม เพราะผู้เพาะพันธุ์ American bully จำนวนมากขาดความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างรุนแรง ดังเช่นกรณีในประเทศไทยนี้
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านสายพันธุ์สุนัขและกรรมการตัดสินสุนัขระดับโลกได้กรุณาให้ความเห็นมาแล้วว่าสุนัขในข่าวที่ก่อเหตุรวมถึงสุนัขในไทยที่เราเรียกว่าอเมริกันบุลลี่ที่แท้จริงราว 95% แล้วเป็นสุนัขพันธุ์ทางหรือพันธุ์ผสม (Cross breed) ไม่ใช่พันธุ์แท้ (Pure Breed)
สุนัขในข่าวที่ดุร้ายน่าจะเป็นพันธุ์ทางที่เกิดจากผสมข้ามพันธุ์ในกลุ่มพิตบูลที่มีหลายสายพันธ์ุ (เช่น American Pit Bull Terrier, American Staffordshire Terrier, American Bully, Staffordshire Bull Terrier) กับ Rottweiler, Dutch Shepherd และ red nose Pitbull เพื่อให้ได้ลักษณะภายนอก รูปร่างหน้าตา (phenotypes) ตามที่ตลาดต้องการ เช่น ขนาด มวลกล้ามเนื้อ ความย่นของผิว ความดุ หรือนิสัยชอบกัด
แม้สุนัขเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถผสมข้ามพันธุ์กันได้ แต่สิ่งที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้คือพื้นฐานอารมณ์ลักษณะนิสัย (temperament) ต่างจากพันธุ์แท้ที่มีหน้าตาเหมือนพ่อเหมือนแม่ รวมทั้งลักษณะนิสัยที่ตรงตามมาตราฐานสายพันธุ์ ผลที่ได้คือสุนัขพันธุ์ทางอาจมีอารมณ์และแรงขับเคลื่อนภายในที่ไม่นิ่ง รวมทั้งอาจมีลักษณะก้าวร้าวที่คาดเดาไม่ได้ไม่เหมือนสุนัขเลี้ยงโดยทั่วไป
ตามกฎเกณฑ์สมาพันธุ์สุนัขโลก (Federation Cynologique International :FCI) จึงกำหนด สุนัขพันธุ์แท้ว่าต้องมีบันทึกการผสมในพันธุ์เดียวกันในพันธุ์ของเขาเอง ไม่ข้ามสาย จำนวนทั้งสิ้น 20 รุ่น (generations) และต้องคงลักษณะนั้นทั้ง 20 รุ่นจึงจะรับขึ้นทะเบียน โดย American bully ในอเมริกาเอง American Kennel Club (AKC) เขาก็ยังไม่รับรองพันธุ์ แต่ The Kennel Club ของสหราชอาณาจักรรับจดทะเบียน
ที่ให้ข้อมูลนี้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันว่าสุนัขที่เราเลี้ยงอยู่นี้ไม่กัด นิสัยดี เป็นสุนัขที่ปัญญาอ่อนกลัวกระทั่งแมว เพราะที่เลี้ยง ๆ American bully กันอยู่นั้นมันเป็นพันธุ์ทาง (ผสม) นิสัยอารมณ์พื้นฐานไม่คงที่และไม่เหมือนกับเหมือนสุนัขพันธ์ุแท้
และถึงแม้จะเป็นสุนัข American bully พันธุ์แท้ก็ตาม ที่โดยพื้นฐานอารมณ์ลักษณะนิสัย ส่วนใหญ่มันก็ไม่ได้ดุมาก แต่โดยกายวิภาคมันมีกรามใหญ่มาก และแรงขบกัดของมันก็สูงมาก ถ้ามันรวมฝูงกันหรือโกรธฉุนเฉียวขึ้นมาก็จะเป็นอันตรายมากจนถึงแก่ชีวิตได้อยู่ดี ดังที่เกิดเหตุมาแล้วมากมายทั่วโลก จนต้องมีการตรากฎหมายเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
ในอังกฤษมีการออกพระราชบัญญัติสุนัขอันตราย หรือ Dangerous Dog Act 1991 ได้ประกาศในเดือนธันวาคม 2023 ว่า American Bully เป็นสายพันธ์ุอันตราย เนื่องจากสถิติการถูกสุนัขกัดตายในอังกฤษพุ่งสูงขึ้นมากมาโดยตลอด แม้จะไม่ได้แสดงสถิติว่าเสียชีวิตเพราะถูกกัดตายจากสายพันธุ์ใด แต่การประกาศของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ริชชี่ สุแน็ค ก็ชัดเจนว่ามาจาก The American Bully นี่ได้รับความนิยมเลี้ยงแพร่หลาย
นับแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2023 อังกฤษห้ามขาย ห้ามให้ ห้ามทิ้งหรือนำไปปล่อย ห้ามเพาะพันธุ์ American XL bully โดยเด็ดขาด นอกจากนี้ห้ามปล่อยพันธุ์นี้ไซส์ XL มาในที่สาธารณะหากไม่ได้รัดปากไว้
ภายในวันที่ 31 มกราคม 2024 ผู้ใดที่ไม่ต้องการเลี้ยง American XL bully อีกต่อไปให้นำสุนัขไปการุณยฆาตโดยสัตวแพทย์ที่ได้ลงทะเบียนไว้เท่านั้น
นับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธุ์ 2024 ถือว่าเป็นความผิดทางอาญาหากครอบครอง American XL bully โดยไม่มีใบอนุญาตให้ยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ
รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจในวันที่ 22 เมษายน 2024 ที่จะจ่ายค่าชดเชยการการุณยฆาตสุนัข American XL bully จำนวน 395 ตัวอย่างถูกต้อง ตัวละ £76,500
เจ้าของผู้ยังครอบครองเลี้ยงดู American XL bully โดยมีใบอนุญาตยกเว้นเป็นกรณีพิเศษอย่างถูกต้อง ต้องซื้อประกันภัยสำหรับการถูกสุนัขกัดหรือทำร้ายคนหรือสุนัขอื่นจนบาดเจ็บ ต้องติดไมโครชิฟสุนัขที่เลี้ยง ทั้งยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียม £92.40 ต่อตัวต่อปีอีกด้วย
American XL bully ที่ลงทะเบียนแล้วอย่างถูกต้อง ต้องเลี้ยงในบ้านให้ปลอดภัย และต้องรัดปากตลอดเวลาหากนำออกไปในที่สาธารณะ
American XL bully ทุกตัวที่ครอบครองและลงทะเบียนแล้วอย่างถูกต้อง ต้องถูกตอน (ตัดอัณฑะออก) หรือตัดรังไข่ออก ภายในวันที่ 20 มิถุนายน
และแม้กระทั่งลูกสุนัขอายุต่ำกว่าหนึ่งขวบก็ต้องถูกตอนหรือตัดรังไข่ภายในสิ้นปี 2024
กฎหมายของอังกฤษที่จัดการปัญหา American XL bully ค่อนข้างเด็ดขาดและเข้มงวดมากครับ
เหตุเพราะ American Bully มีประวัติกัดคนตายมาแล้วทั่วโลกนับหลายสิบคน จนต้องออกเป็นกฎหมาย กฎหมายในลักษณะนี้สำหรับ American Bully ได้ประกาศบังคับใช้แล้วทั้งในอังกฤษ ไอร์แลนด์ ตุรกี และสหรัฐอาหรับอีมิเรตส์
ผู้เขียนคนที่สอง (อรรถสิทธิ์) ได้เคยชันสูตรศพผู้เสียชีวิตสองรายจาก American Bully กัดจนเสียชีวิต มีรายละเอียดดังนี้
รายแรก เป็นชายอายุ 7x ปี สภาพนอนติดเตียงอยู่ในห้องโถงชั้นล่างของบ้าน สุนัขกระโดดขึ้นมาบนเตียง กัดและกินบริเวณใบหน้าและลำคอ ก่อนมีผู้มาพบเห็นและไล่สุนัขไป ในเวลาที่ผู้ตายยังแข็งแรงดี ชายคนดังกล่าวเป็นผู้เลี้ยงสุนัขกับลูกชาย และให้อาหารสุนัขเป็นประจำ
รายที่สอง เป็นหญิงอายุ 7x ปี ขณะซักผ้าตากผ้ากลางแดด เกิดเป็นลม ถูกสุนัข American bully ที่เลี้ยงไว้ กัดบริเวณลำคอ หลอดเลือดแดงใหญ่ที่คอฉีกขาด เสียเลือดมาก เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ก่อนหน้านี้ หญิงคนดังกล่าวเป็นคนให้อาหารสุนัขมาก่อน
ในฐานะที่ผู้เขียนคนที่สองเป็นทั้งแพทย์นิติเวชและผู้เลี้ยงสุนัข ขอตั้งข้อสังเกตว่าสุนัขสายพันธุ์นี้ที่ทำร้ายคนจนเสียชีวิต ไม่ได้กัดเฉพาะคนที่ไม่รุู้จักหรือไม่คุ้นเคยเท่านั้น แต่หากคนเลี้ยงเริ่มอ่อนแอ ล้มลง หรือนอนลง สุนัขก็อาจเข้าทำร้ายผู้เลี้ยงได้
เมื่อรวมกับกรณีชายหนุ่มอายุ 18 ปี ที่ถูก American bully สามตัวกัดจนเสียชีวิต ก็น่าจะมีผู้ถูกกัดจนเสียชีวิตจาก American bully แล้วอย่างน้อยสามราย ในประเทศไทย
ทั้งหมดนี้เป็นการเล่าถึงประสบการณ์จากการทำงานโดยตรง 10 ปี ที่เคยผ่าชันสูตรศพเคสที่ถูกสุนัขพันธุ์อเมริกันบุลลี่กัดจำนวน 2 ราย ไม่ได้กล่าวถึงว่าสุนัขพันธุ์นี้จะทำร้ายผู้เลี้ยงทุกตัว
ส่วนตัวผู้เขียนทั้งสองคนก็เลี้ยงสุนัขเหมือนกัน ขอฝากข้อคิดว่าหากจะเลี้ยง American bully ต้องมีการศึกษาสายพันธุ์และกำกับดูแลเป็นอย่างดี
เราทั้งสองเขียนบทความนี้เพื่อให้ข้อมูลโดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ และขอมีข้อทักท้วงร่วมกันว่า หากไม่จำเป็นก็อย่าไปเลี้ยงสุนัขพันธุ์ที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เช่น พันธุ์ พิทบูล และ อเมริกันบูลลี่เลย เพราะมีโอกาสเกิดอันตรายสูง จริงอยู่ว่าเราอาจจะดูแลสุนัขได้ดี แต่เราควรที่จะเลือกสายพันธ์ุที่ไม่เสี่ยงอันตรายเลยจะดีกว่า
ขออภัยหากจะมีคนที่รักสุนัข เลี้ยงสุนัข เพาะพันธุ์สุนัข บางคนที่อาจจะไม่พอใจกับบทความนี้ เราพูดเรื่องอันตรายของสุนัขบางสายพันธ์ุ และไม่สนับสนุนให้เลี้ยง ที่พูดเพราะไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสีย ปวดร้าว เพราะเราเองต่างเป็นคนรักสุนัข และไม่อยากให้ใครได้รับอันตรายถึงชีวิตเพราะสุนัข เราขอฝากให้คิด