วันที่ 3 ก.ย.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568  วาระ 2 เป็นการพิจารณารายมาตรา ต่อมา

ต่อมา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกมธ.เสียงข้างน้อย อภิปรายถึงการทำนโยบายเติมเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ในส่วนของการปรับลดงบประมาณจาก 5 ธนาคาร รวมเป็นเงิน 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น มีความประหลาด เพราะในชั้นอนุกมธ. ไม่มีการปรับลดค่าใช้จ่ายส่วนที่นำไปชำระหนี้ และเป็นเงินที่ใช้ในส่วนของโครงการค้างเก่า เช่น โครงการจำนำสินค้าเกษตร ปี2552 โครงการประกันรายได้ สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ รวมถึงตัดงบของธนาคารออมสิน 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายการที่ใช้ในโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด เป็นการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้รวมเงินเพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน ทั้งนี้ที่ปรับลดนั้นลอยมาหลังจากที่อนุกมธ.พิจารณาเสร็จสิ้น ในคราวที่ครม. มีมติให้โอนเงินเพื่อใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

"วันนี้เราไม่รู้ว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะเดินไปทางไหน เงินที่ได้มาจะพอหรือไม่ หากไม่พอจะทำอย่างไรต่อ เพราะขณะนี้ไม่มีความชัดเจน ต้องรอรัฐบาลใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณตน และแถลงนโยบายก่อน ซึ่งไม่สามารถรู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ขณะนี้พบรายละเอียดที่จะเปลี่ยนเงินดิจิทัลเป็นเงินสด ให้กับ 14.5ล้านคน ส่วนที่เหลือต้องหาเงินมาอีก 3.05 แสนล้านบาท เพื่อใช้แจกอีก 45 ล้านคน  ดังนั้นรัฐบาลชักดาบ 5 ธนาคาร รวม 3.5 หมื่นล้านบาท ยังไม่รู้ว่าจะพอหรือไม่” น.ส.ศิริกัญญา อภิปราย

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า สภาฯ ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบเงินจำนวน 1.2 แสนล้านบาท เพื่อใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ควรต้องรอแถลงนโยบายให้จบก่อน ซึ่งตนมีข้อเสนอแนะว่าหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้ว ควรออกร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณ เพราะยังมีเวลา ให้ประชาชนรอมาได้ปีกว่า ควรให้รออีกหน่อย โดยการ ออก ร่างพ.ร.บ.โอนประมาณโดยตัดงบกระทรวงของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อใช้ดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อแจกให้ครบ45 ล้านคน