“นายกฯ”ยอมรับโผครม.ทุกตำแหน่งนิ่งแล้ว ไม่น่ามีอะไรกระเพื่อมมาก คาดภายในสัปดาห์นี้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ยันไม่ซีเรียสนักร้องชักแถวร้องเรียนคุณสมบัติรมต.  “ภูมิธรรม” มั่นใจคุณสมบัติว่าที่รมต.ใหม่หลังผ่านการตรวจสอบจาก”กฤษฎีกา”เข้มข้น แย้มรัฐบาลใหม่เข้าทำงานภายใน 15 ก.ย.นี้ ด้าน"สว.นันทนา" รับเป็นเรื่องลำบากใจ หลังมีชื่อ "11 ว่าที่รมต."ส่อผิดจริยธรรม  ขณะที่ ‘สรวงศ์’สวนกลับ ‘อภิสิทธิ์’ ก้าวให้พ้น 'ทักษิณ' ก่อน 

ที่อาคารชินวัตร 3 เมื่อวันที่ 2 ส.ค.67 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า โผครม. เรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่า สามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้เลยหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอไปคุยกับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ว่าขั้นตอนจะเป็นอย่างไร เพราะไม่เคยทำ แต่โผทุกอย่างนิ่งหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้เมื่อไหร่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พยายามจะทำให้เร็วที่สุด เมื่อถามต่อว่า จะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า น่าจะได้ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวบางรายชื่ออาจมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราส่งตรวจสอบตามระบบ เมื่อถามว่า คำว่าเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีได้วางตำแหน่งทั้งหมดใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า “ใช่ค่ะ และไม่น่ามีอะไรกระเพื่อมแล้ว” เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่จะมีการร้องเรียนมาภายหลัง นายกรัฐมนตรี ตอบว่า “ไม่ซีเรียส”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดตั้งรัฐบาลมีความคืบหน้าใกล้จะแล้วเสร็จ คาดว่าไม่เกินวันที่ 15 ก.ย.นี้ คณะรัฐมนตรีใหม่น่าจะสามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ ส่วนรายชื่อทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติเสร็จแล้ว และส่งรายชื่อกลับมาที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว เท่าที่ทราบส่วนใหญ่ก็น่าจะไม่มีปัญหา ทำให้ไม่มีข้อกังวล เพราะคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดใหญ่ได้ตรวจสอบทั้งหมด และการจัดตั้งรัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมาย สำหรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเป็นอย่างไรต้องรอความชัดเจน ซึ่งจะทราบเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมาแล้ว

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย แสวงการ อดีตส.ว. ออกมาเปิดเผยอาจมี 11 รัฐมนตรีชุดใหม่ที่มีชะงักติดหลังอยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ว่า ที่เข้าใจคือขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ และเท่าที่ตนได้ติดตามดู ก็ได้ส่งรายชื่อไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้ดูว่าใครถูกร้องหรือไม่ถูกร้องเรื่องอะไรบ้างและขั้นตอนถึงขั้นไหนแล้ว เข้าใจว่าทางเลขา ป.ป.ช. ได้แถลงหมดแล้ว ซึ่งก็มีหน้าที่ตรวจสอบไม่ใช่ไปชี้ว่าผิดหรือถูก แค่ตรวจสอบว่ามีใครถูกร้องเรื่องอะไรบ้าง และส่งกลับมาให้คณะทำงาน


นายชูศักดิ์ ระบุว่า ต้องเข้าใจว่าตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ที่ผ่านมาเรื่องที่วิตกกังวลกันคือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เรื่องประมวลจริยธรรม ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ต้องมีการวินิจฉัยชี้ขาด เช่น ป.ป.ช.ต้องชี้ขาดมามีความผิด แต่ขณะนี้เรื่องไม่ถึงขั้นนั้น แต่ตนสันนิษฐานว่าเรื่องเหล่านี้มันยังไม่สิ้นสุดและยังไม่มีข้อยุติ ใครจะร้องป.ป.ช.ก็รับเรื่องไว้แต่จะผิดหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง เป็นเพียงดุลพินิจแต่ไม่ได้ชี้ว่าใครขาดจริยธรรม ใครขาดความซื่อสัตย์สุจริต มองเรื่องความถูกต้องชอบธรรมว่าถ้าใครถูกร้องและไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี จะกลายเป็นว่าไม่ได้รับแต่งตั้งกันทั้งหมด

ส่วนจะซ้ำรอยเหมือน นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่นั้น  ตนมองว่าเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องนั้นทราบอยู่แล้วว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร แต่ว่าที่รัฐมนตรีที่แต่ละพรรคเสนอมาขณะนี้ยังไม่มีใครถูกชี้มูลความผิด เมื่อถามว่า จุดประสงค์คนที่ปล่อยข่าวต้องการแกล้งรัฐบาลหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบแต่มองว่าการเมืองไทยก็เป็นแบบนี้ และเมื่อเป็นเรื่องจริยธรรมมันก็จะร้องไม่จบเหมือนไปติดหล่มอะไรบางอย่าง ประเทศก็จะเดินไม่ได้เหมือนกัน


สำหรับที่ฝ่ายรัฐบาลดึงกูรูด้านกฎหมายมาช่วยตรวจสอบครั้งนี้จะทำให้ราบรื่นหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องของความรอบคอบแต่ไม่รู้ว่าเกณฑ์การตรวจสอบคืออะไร แต่ส่วนตัวมองว่าตราบใดที่ยังไม่มีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาว่าผิด ก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นประเทศจะเดินไม่ได้

ด้าน นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย  กล่าวถึงโผรัฐมนตรี ว่า มีหลายเรื่องที่ต้องทำต่อ ซึ่งต้องรอนายกรัฐมนตรีอีกที ส่วนงานคงเป็นรูปแบบเดิม ซึ่งรัฐบาลได้วางไว้แล้ว คงต้องสานต่อ เพราะมันเป็นระบบพรรคการเมืองซึ่งนายกรัฐมนตรีรู้เรื่องนโยบายต่างๆ และพรรคร่วมก็ไปร่วมแถลงนโยบาย และคณะรัฐมนตรีใหม่ต้องมีการแถลงนโยบาย ส่วนนโยบายหนี้นอกระบบคงต้องสานต่อ เพราะทำมาใกล้จะจบแล้ว และเป็นเรื่องที่ดี เป็นปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนทุกหย่อมหญ้า 

นายชาดา ยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี ว่า ตนยื่นไปแล้ว คุณสมบัติตนไม่มีอะไร นักข่าวอาจจะดูหน้าตาคนรุ่นตน ผ่านบาดแผลมาเยอะ แล้วไปตีความ เข้าใจกันผิดเอง ทั้งนี้คนไทยต้องรักชาติมากกว่าเดิม รับผิดชอบต่อบ้านเมือง อย่าทำอะไรเพื่อสนองตัณหาตัวเอง อย่าจับทิ้งจับขว้าง บ้านเมืองก็ไม่เดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง

ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. กล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ว. ตั้งข้อสังเกตว่าว่าที่รัฐมนตรี 11 คน อาจมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ เนื่องจากคดีติดอยู่ในองค์กรอิสระ ว่า การตรวจสอบคุณสมบัติผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้น เพราะจากประสบการณ์ที่เห็น ตั้งพลาดเพียงคนเดียว อาจหมายถึงผู้ที่แต่งตั้งจะต้องพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งตนเห็นว่าตรงนี้เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างมากๆ เพราะองค์กรอิสระมีอำนาจกว้างขวาง และอำนาจล้นเกินฝ่ายบริหาร สามารถปลดผู้นำสูงสุดของรัฐบาลได้ รวมถึงยังล้นเกินมาถึงฝ่ายนิติบัญญัติสามารถยุบพรรคการเมืองได้ ตนเห็นว่าดังนั้นทางแก้คือการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้จำกัดขอบเขตขององค์กรอิสระ เพื่อไม่ให้มีอำนาจล้นเกิน และยึดหลักการคานอำนาจระหว่างกัน การคานและถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า บทบัญญัติในขณะนี้ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปไม่ได้ใช่หรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ลำบาก เพราะความจริงแล้วเรื่องจริยธรรมเป็นการตรวจสอบบุคคลในสาขาอาชีพของตัวเอง ซึ่งโทษจะเป็นไปอย่างเหมาะสม แต่โทษผิดจริยธรรมร้ายแรงที่ถึงขั้นตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตตามรัฐธรรมนูญ หรือเรียกว่าใบดำนั้น ตนยังสงสัยว่าได้สัดส่วนกับความผิดหรือสิ่งที่ถูกตีความว่าเป็นจริยธรรมที่ผิดพลาดไปหรือไม่ จึงเห็นว่าเป็นเรื่องที่ควรต้องหันกลับมาทบทวน โดยเฉพาะเรื่องโทษให้เป็นไปตามสัดส่วนที่เหมาะสม

เมื่อถามว่า ไม่ดีหรือที่ในครั้งนี้ จะทำให้การตรวจสอบคนที่มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเข้มข้นขึ้น น.ส.นันทนา กล่าวว่า ความจริงแล้วเรื่องคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เราก็อยากได้คนที่มีประวัติที่สะอาด ซื่อสัตย์สุจริต พร้อมๆกับคุณสมบัติด้านอื่น เช่น ความรู้ความสามารถและศักยภาพด้านต่างๆ แต่ไม่ใช่การตรวจสอบภูมิหลัง แล้วนำมาเป็นดัชนีชี้วัดเพียงตัวเดียวในการขึ้นดำรงตำแหน่ง ถ้าเป็นเช่นนี้หมายความว่าคนที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งคงต้องฟูมฟักกันตั้งแต่เกิด คุณสมบัติไม่ด่างพร้อยหรือมีอะไรเสียหาย ซึ่งการวินิจฉัยแบบนี้ และบทลงโทษถือว่าไม่ได้สัดส่วน ไม่ควรย้อนพฤติกรรมในอดีตมาชี้ว่ามีพฤติกรรมผิดจริยธรรมร้ายแรง ดังนั้นควรต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมและได้สัดส่วน แต่ยอมรับว่าควรต้องมีบทบัญญัติจริยธรรม จะบอกว่าไม่สนใจเรื่องนี้ก็ไม่ได้ ไม่ควรตรวจสอบการเฉพาะเรื่องเล็กเรื่องน้อย

เมื่อถามย้ำว่า อะไรเป็นเรื่องเล็กน้อย และกรณีของ นายพิชิต ชื่นบาน ถือว่าเล็กน้อยหรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า กรณีของนายพิชิตเป็นตัวอย่างหนึ่งที่หัวหน้ารัฐบาลมองว่าอาจจะไม่ร้ายแรงที่จะตั้งเข้ามาได้ หรือกรณีของนักการเมืองอีกหลายคนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตด้วยเหตุการณ์ที่ทำมาในอดีต และไม่ได้สัมพันธ์กับสิ่งที่เป็นการกระทำในปัจจุบัน ตนคิดว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ที่ได้รับโทษนั้น

ด้าน นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นว่ารัฐบาลเพื่อไทยก้าวไม่พ้นครอบครัว ว่า “คนที่พูดเองต้องก้าวให้ข้ามทักษิณก่อนครับ” ทุกสิ่งทุกอย่างปรากฏมาแล้วว่าเราทำตามระเบียบข้อบังคับพรรค ตามมติพรรค กรรมการบริหารพรรค ไม่มีใครทั้งสิ้นที่จะมาครอบงำพรรคเราได้ สิ่งที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ไปตอนที่ลงพื้นที่จ.สุโขทัย ก็ฝากพี่น้องสื่อมวลชนด้วย พอดีบางข่าวที่ไม่ได้สำคัญก็ขออย่าไปตีข่าว ขอให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้