วันที่ 2 ก.ย.2567 นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายทหารนอกราชการบางราย ปลุกกระแสไม่เอารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มาจากพลเรือน และเคยเห็นต่างทางความคิดมาก่อนว่า ตนเห็นอดีตนายพลบางท่าน ออกมาแสดงความเห็นให้ทหารลุกขึ้นมาต่อต้าน ผู้ที่คาดว่าจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตามข่าวนายภูมิธรรม เวชชยชัย โดยอ้างเหตุผลว่านายภูมิธรรมเคยร่วมต่อสู้ทางการเมืองในยุคหลังเหตุการณ์ ปี 2519 และต้องเข้าป่า ถูกกล่าวหาว่าเป็น คอมมิวนิสต์ ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนล้วนมีอดีตเป็นของตัวเองต่างก็ไม่สามารถย้อนกลับไปลบล้างมันได้ เป็นข้อเท็จจริงว่านายภูมิธรรม เคยเข้าป่าหนีตายจากเผด็จการทหาร หลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ซึ่งต่อมาเขาก็พบว่า พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ช่วยตอบโจทย์อุดมการณ์ที่เขาอยากเห็น หลังจากมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 ที่ให้ผู้เห็นต่างทางความคิดออกมาร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ คุณภูมิธรรมจึงออกมาทำงานเป็นภาคประชาสังคม (NGOs)
นายก่อแก้ว กล่าวว่า นายภูมิธรรม ก็เหมือนกับนายทหาร และ ข้าราชการผู้ปรารถนาดีต่อประเทศหลายๆคน ที่ใฝ่หา และอยากเห็นสังคมที่เป็นธรรม และเชื่อว่าสังคมที่กระจาย “โอกาส” ให้ทุกคน และการสังคม ที่สร้างความเท่าเทียม เป็นหนึ่งในทางออกที่จะพัฒนาประเทศชาติ จึงทำให้เป็นจุดเริ่มต้นทำงานร่วมกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งที่ผ่านมา คุณภูมิธรรมก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่า ภายใต้การทำงานทางการเมืองของเขา ตั้งอยู่บนพื้นฐานของประเทศชาติ และผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนมีตำแหน่งทางการเมือง หรือ ไม่มีตำแหน่งใดๆ
"ในทางกลับกัน นายทหารบางคนที่ออกมาปลุกกระแสนี้ ก็มีอดีตอันน่าขื่นขม เป็นหนึ่งในผู้ใกล้ชิดและสนับสนุนวงจรของการรัฐประหาร สนับสนุนการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยวิธีการนอกระบบต่างๆ นาๆ พอรัฐประหารสำเร็จ ก็ได้ดิบได้ดีหลังการรัฐประหารด้วยตำแหน่งใหญ่โตในทุกๆ ครั้ง ได้อยู่ในอำนาจนิติบัญญัติจากการแต่งตั้ง ทั้งชีวิตไม่เคยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งเลยแม้แต่เพียงเสียงเดียว แต่นั่นผมก็ถือว่าเป็นอดีตของท่าน แม้ว่าในมุมลึกๆ ของท่านอาจจะรู้สึก แต่มันก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขใดๆได้อีกแล้ว
ผมเรียกร้องให้อดีตทั้งหลาย กลับมาอยู่กับปัจจุบันเสียที ทุกวันนี้ที่ประเทศพัฒนาต่อได้ยาก ก็เพราะมัวแต่ยึดติดกับอดีต รวมถึงความคิดเก่าๆหลงยุค ที่พยายามปลุกอดีตคืนชีพให้กลับคืนมา แม้ว่ามันจะสวนทางกับโลกปัจจุบันก็ตามที รวมถึงจมปลักอยู่กับความคลั่งแค้นเก่าๆ ไม่ยอมมูฟออนและยอมรับว่าโลกสมัยมันเปลี่ยนไปจากในวันที่คุณยิ่งใหญ่ในอดีตแล้ว" นายก่อแก้ว กล่าว
นายก่อแก้ว กล่าว ย้ำว่า ตนไม่ได้เรียกร้องให้ทุกคนลืมอดีต แต่ช่วยวางมันไว้ข้างหลัง หันมามองมันบ้างเป็นบทเรียนกันการผิดพลาด เลิกความคิดที่จะส่งต่อความขัดแย้งให้ปัจจุบัน และ อนาคต มุ่งที่จะเดินต่อไปข้างหน้า เพื่อสร้างประเทศและสังคมที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นลูกรุ่นหลานเราดีกว่าหรือไม่