สาวแบงค์สุดงง ถูกตามด่าหาว่าแย้งผัว 5 ปี ทั้งๆที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย  ถูกขู่สาดน้ำกรด ขู่จะเอาเลือดหัวมาล้างตีน  คนด่าไม่ท้อ คนถูกด่าเริ่มท้อ ตัดสินใจร้อง เพจสายไหมต้องรอด ช่วยเหลือ 

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 2 กันยายน 2567  ที่สำนักงานเพจสายไหมต้องรอด ซอยสายไหม 38 น.ส.เอ(นามสมุติ) อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์กับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกด่าว่าเเย่งผัวชาวบ้านนานกว่า 5 ปี เต็ม ซ้ำถูกขู่ราดน้ำกรด 

น.ส.เอ เปิดเผยว่า ตนทำงานพนักของธนาคารเเห่งหนึ่ง กระทั่งปี 62 พี่สาวของตนได้บอกกับตนว่า มีผู้หญิงรายหนึ่ง ได้ทักแชทมาหาพี่สาวแล้วบอกว่าตนได้ไปแย่งผู้ชาย ซึ่งผู้ชายคนนี้ก็ได้ทำงานอยู่ที่เดียวกับตน แต่ไม่เคยมีการคุยกันส่วนตัว จากนั้นหญิงคนดังกล่าวก็ได้มาหาตนที่ทำงาน และก็ได้เข้ามาถามกับตนว่า ได้พูดคุยเชิงชู้สาวกับแฟนของฝ่ายหญิงหรือไม่ ถ้าหากคุยทางฝ่ายหญิงจะเลิกรากับแฟนให้ แต่ตนก็ได้ปฏิเสธไป เพราะตนไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวกับฝ่ายชายเลย และขณะนั้นตนก็มีแฟนเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว ซึ่งตนก็ได้แสดงความบริสุทธิ์ให้โทรศัพท์กับฝ่ายหญิงลองโทรหาฝ่ายชาย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้มีการแลกเบอร์ไว้ติดต่อกันแต่อย่างใด ซึ่งทางฝ่ายหญิงก็ได้ขอโทษและยอมรับว่าเข้าใจผิด 

เเต่หลังภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเพียงคืนเดียว ทางฝ่ายหญิงก็ยังโพสต์ข่มขู่เชิงเมียหลวงฆ่าเมียน้อย ตนจึงตัดสินใจบล็อกทุกช่องทางกับทางฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย เพราะคิดว่าเรื่องจบแล้วและไม่อยากติดต่อใครทั้งสิ้น

หลังจากนั้นประมาณ 1-2 ปี ได้มีแอคเค้าท์หนึ่งได้มาโพสต์ด่าตนว่า “กระxxx แย่งผัวชาวบ้าน” ซึ่งมีมาอย่างต่อเนื่อง ตนจึงไปลงบันทึกประจำวันที่ สถานีตำรวจ แต่ขณะนั้นตำรวจไม่ได้รับแจ้งความ และที่หนักสุดคือทาง แอคเค้าท์ ดังกล่าวได้มีการไปแคปรูปหน้าบ้านของตนหรืออาจจะไปถ่ายรูปที่หน้าบ้านของตนก็ไม่เเน่ใจ โดยนำมาลงผ่าน Instagram พร้อมกับข่มขู่ว่าทราบที่อยู่ของตน

โดยเมื่อปี 66 ที่ผ่านมา แอคเค้าท์ดังกล่าวได้มีการแชทหาตนและด่าตนว่าเป็นกระหรี่เช่นเคย และมีการทักข้อความบอกตนว่า จำได้ว่าตนเคยแย่งผัวเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งตนก็ได้ยืนยันไปว่าไม่เคยแย่งใคร ซึ่งทางฝ่ายหญิงก็ได้อ้างว่าได้ทำการจดทะเบียนสมรสกับฝ่ายชายแล้ว สามารถฟ้องได้ จึงบอกว่าให้ฟ้องเลย เพราะตนแน่ใจว่าตนไม่ได้ทำอะไรผิดหรือไปแย่งใครมา จากนั้นตนก็ได้บล็อคข้อความดังกล่าวไป

น.ส.เอ ระบุว่า ล่าสุดกลางเมื่อเดือนสิงหาที่ผ่านมา มีแอคเค้าท์หนึ่งสร้างเฟสบุ๊กขึ้นมา และได้ทักไปหาแม่ของตน บอกว่า “สั่งสอนลูกป้าให้ดีหน่อย อย่าให้ไปแย่งผัวชาวบ้าน” พร้อมเพิ่มเพื่อนและไล่ทักเพื่อนของแม่ตน ถามว่ารู้จักตนไหม และบอกว่าตนไปแย่งผัวชาวบ้าน นอกจากนี้เฟสบุ๊กดังกล่าวได้นำรูปแม่กับตนไปตั้งเป็นโปรไฟล์ และแชร์รูปตนกับแม่พร้อมด่าลูกหลานกระหรี่ และมีการโพสต์ชื่อจริงนามสกุลของตน พร้อมบอกว่า “จะตามล่าหามึงให้เจอ จะเอาเลือดมึงมาล้างตีนกู จะจองเวรจองกรรมมึง จะสาดน้ำกรดใส่มึง”

ตนจึงนำหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงให้แก่ตำรวจ เพราะตนไม่เคยมีเรื่องแบบนี้กับใคร มั่นใจว่าน่าจะเป็นผู้หญิงรายดังกล่าว โดยหลังจากได้นำหลักฐานให้ตำรวจเสร็จสิ้นฝ่ายชายและฝ่ายหญิงก็ได้โทรมาก่อกวนตน ก็มีการหลุดขื่อฝ่ายชายจึงทำให้ตนมั่นใจว่าเป็นคนที่เคยหาเรื่องตน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอหมายเรียกคู่กรณี 

น.ส.เอ กล่าวอีกว่า ตนยอมรับว่าตอนเจอกับทั้ง 2 คน ก็ดูท่าทีปกติ ไม่ได้เหมือนคนโรคจิต ตนรู้สึกอึดอัดที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องนี้มานานกว่า 5 ปี และเรื่องราวดังกล่าวลามไปถึงครอบครัว และหลาน ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่เคยยุ่งกับสามีชาวบ้าน และตนเองก็ชอบผู้หญิง

ขณะที่นายเอกภพ กล่าวว่า เคสดังกล่าวมีความผิดชัดเจน ทั้งการแชร์รูปต่างๆ ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งผู้เสียหายเองได้ไปแจ้งความที่โรงพักไว้ 6 ครั้ง ที่สน.บางซื่อ 4 ครั้งในช่วง ปี 62- 66 และ ที่สน.พญาไท ปี 67 2 ครั้งแล้ว ทั้งนี้ตนจะประสานไปยังพล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ให้ช่วยเหลือ หลังผู้เสียหายถูกคุกคามอีกด้วย