ร้อง ผบ.ตร.ตรวจสอบการทำคดี ของตำรวจ สภ.เมืองกาญฯ ภายหลังนำรถจำนวน 2 คัน มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท ไปจำนำให้กับนักการเมืองท้องถิ่น ก่อนเอาไปเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถ เป็นชื่อเมียตัวเองแต่คดีไม่คืบหน้า
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 2 ก.ย.67 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผศ.ดร. เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี พา ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากนายวิศารท์ พจน์ประสาท ผู้เสียหายร้องทุกข์ กรณีถูกนักการเมืองท้องถิ่นระดับผู้บริหารเป็นผู้มีอิทธิพล ในพื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรี กับพวกรวม 3 คน ร่วมกันยักยอกรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลพาร์ด (Alphard) สีดำ พร้อมแผ่น ป้ายทะเบียนประมูล ก.ย 1111 กาญจนบุรี และรถยนต์เบนซ์รุ่น CLS250 ทะเบียนภล-646 กรุงเทพมหานคร ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ กับปลอมแปลงเอกสารโดยใช้เอกสารปลอม
โดยผู้เสียหายเอารถทั้งสองคันไปจำนำ ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของรถทั้งสองคัน และหมายเลขทะเบียนประมูล กย1111 กาญจนบุรี ไปเป็นของภรรยานักการเมืองท้องถิ่นรายนี้ปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามรถทั้งสองคัน พบว่ามีการร่วมกันปลอมแปลงเอกสารการจดทะเบียนโอนกับสำนักงานขนส่ง หรือสำนักงานขนส่ง จึงพาผู้เสียหายมาร้องขอความเป็นธรรมให้ ผบ.ตร.ช่วยตรวจสอบการทำงานของพนักงานสอบสวน ที่แจ้งความไว้เมื่อ 26 ตุลาคม 2566 แต่คดีไม่คืบหน้าล่าช้ามากและขอให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ขนส่ง จังหวัดกาญจนบุรี และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในครั้งนี้ให้ถึงที่สุด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เกรียงศักดิ์ พินทุสรศ ทนายความ และผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย ยื่นหนังสือ ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังจากนายวิศารท์ พจน์ประสาท ข้าราชการระดับสูง ตกเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากได้นำรถของตัวเอง ยี่ห้อโตโยต้ารุ่นอัลพาร์ด ไปจำนำกับบุคคลที่ชื่อ ตุ๊ย เซียงกง และรถเบนซ์ อีกหนึ่งคัน มูลค่ารวม 10 ล้านบาท
แต่มาพบภายหลังว่า ตุ๊ย เซียงกง ได้นำรถทั้ง 2 คัน ไปจำนำต่อให้กับนักการเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรี จากนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของรถ ไปเป็นชื่อของภรรยา ของนักการเมืองท้องถิ่น เชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ โดยมีเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
ก่อนหน้านี้เคยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ปีที่แล้ว ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม ที่สภ.เมืองกาญจนบุรี แต่ไม่มีความคืบหน้า จึงขอให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกพนักงานสอบสวนที่ทำคดี มาสอบถามความคืบหน้าว่าได้ดำเนินการไปถึงขั้นตอนไหน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเวรประจำวันรับหนังสือไว้เสนอผู้ บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป