เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่จ.สุโขทัย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานสุโขทัย ต.คลองกระจง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย
จากนั้นเวลา 10.55 น. นายภูมิธรรมและคณะ เดินทางไปที่ห้องประชุมศรีนคร ชั้น 3 ศาลากลางจ.สุโขทัย ต.ธานี อ.เมืองสุโขทัย เพื่อประชุมหน่วยบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ติดตามสถานการณ์น้ำ และแผนการแก้ไขปัญหาการเร่งระบายน้ำท่วมขังในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยรอต้อนรับ
โดยนายสุชาติ รายงานสรุปสถานการณ์ว่า จากสถานการณ์น้ำไหลเข้าท่วมริมพื้นที่ฝั่งแม่น้ำยม และคลองยมน่าน เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 7 อำเภอ 41 ตำบล 163 หมู่บ้าน 7,195 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 37,227 ไร่ ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุโขทัยได้บูรณาการทุกภาคส่วนเข้าให้ความช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง โดยได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และศูนย์ประสานงานความช่วยเหลือระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประสานงานและให้ความช่วยเหลือประชาชน แจ้งเตือนประชาชนรับทราบข้อมูลข่าวสารทุกช่องทางเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารตลอดจนแนวทางการปฎิบัติเพื่อเกิดความปลอดภัย สั่งการที่มีการตั้งชุดเฝ้าระวังพื้นที่จุดเสี่ยงอย่างใกล้ชิด หากเกิดกรณีเร่งด่วนให้อพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยทันที มีการจัดตั้งชุดปฏิบัติการเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและจัดศูนย์พักพิงชั่วคราวเร่งสำรวจความเสียหายทางการเกษตรที่ได้รับผลกระทบในแต่ละพื้นที่ กรณีเส้นทางที่ได้รับผลกระทบชำรุดเสียหายได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งซ่อมแซมเส้นทางที่ชำรุดถูกตัดขาด
บัดนี้ สถานการณ์อุทกภัยจ.สุโขทัยโดยรวมได้เริ่มคลี่คลายลง จาก.สุโขทัยได้เริ่มช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบสาธารณภัยได้ใช้ชีวิตในภาวะปกติได้ในเร็ววัน
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้ที่สุโขทัยทุกคนเฝ้าระวังน้ำท่วม สืบเนื่องมาจากน้ำท่วมพื้นที่ภาคเหนือตอนบนในจังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ พะเยา ซึ่งส่วนกลางมีความห่วงใย ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวานนี้นางสาวแพทองธาร ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาที่นี่ เพราะมีความห่วงใยมาก โดยในวันนี้ ตนเองได้มาเยี่ยมในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเพราะค่อนข้างมีความห่วงใย เนื่องจากจังหวัดสุโขทัย เป็นพื้นที่ราบแบน รับน้ำ จากพื้นที่ต่าง ๆ และที่สำคัญแม่น้ำปิง วัง น่าน มีจุดรับน้ำ แต่แม่น้ำยม ไม่มี ตรงนี้จะต้องมาทบทวนเพื่อหาช่องทางดูดซับน้ำ ก่อนที่น้ำจะทะลักออกมา โดยอาจต้องมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก และประชาชนได้รับผลกระทบรวมถึงรามไปยังจังหวัดอื่น ๆ ด้วย
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า วันนี้ได้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาล่วงหน้าไปแล้วอย่างเต็มที่ หน่วยงานต่าง ๆ มาเฝ้าระวัง และฟื้นฟู ขณะนี้แม้น้ำหลากจะหายไปบ้างแล้ว จนเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังไม่หมดช่วงฤดูฝน เพราะฉะนั้น ต้องเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในแต่ละจังหวัด จะต้องเฝ้าระวัง เพื่อให้ราษฎรมีความอุ่นใจ ว่าเราจะแก้ปัญหาได้ พร้อมย้ำว่า ต้องเร่งสำรวจพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง เร่งฟื้นฟูความเสียหาย และจับมือทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น
ด้านนายสุรสีห์ กิตติมงคล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้ประเมินปริมาณฝนที่จะตกในช่วงเดือนกันยายน พบว่า พื้นที่ภาคเหนือ 16 จังหวัด ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลัน ดังนั้น ต้องรีบเร่งระบายน้ำในพื้นที่ และซ่อมคันน้ำที่ชำรุด เพื่อควบคุมการไหลของน้ำ
ร.อ.ธรรมนัส เสนอว่า ควรมีแผนระยะยาว ในการแก้ไขปัญหาแม่น้ำยม ตั้งแต่จังหวัดพะเยา จนถึงจังหวัดสุโขทัยที่มีน้ำท่วมมาตลอด ตนเองได้ทำงานร่วมกับสมศักดิ์ เทพสุทิน มาโดยตลอด และเห็นว่ามีแต่การตั้งรับ ควรหามาตรการป้องกันมากกว่านี้
ส่วนนายสมศักดิ์ กล่าวว่า เกิดมาเห็นน้ำท่วมสุโขทัยมาตลอด ไม่มีปีไหนไม่ท่วม แม่น้ำยมที่อำเภอศรีสัชนาลัย รับน้ำได้ 1,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่เมื่อมาถึงสุโขทัยรับได้ 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทั้งนี้ ต้องมีเขื่อนใหญ่ๆ และเลิกแก้ปัญหาแบบวันต่อวัน หากสร้างเขื่อนใหญ่ไม่ได้ ต้องสร้างเขื่อนเรียงหิน หรือเขื่อนคอนกรีดจุดต่างๆ รวม 9,640 เมตร มูลค่า 900 กว่าล้านบาท จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องนี้
เช่นเดียวกับนายอนุทิน กล่าวว่า แผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็มีแต่เรื่องบรรเทา ไม่มีเรื่องป้องกัน แต่ความเป็นจริงกระทรวงมหาดไทย ถูกกดดันเรื่องเขื่อนและฝาย แต่ไม่มีเจ้าภาพ โยนกันไปมาจึงไม่เรียบร้อย ดังนั้นควรเป็นงบกลาง รัฐบาลควรมีแผนในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรม ควรผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ
จากนั้น นายภูมิธรรม มาที่โรงครัวศูนย์ประสานกันช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดสุโขทัย และโรงครัวพระราชทาน พร้อมช่วยแม่ครัวผัดกับข้าวเมนูผัดถั่วงอกใส่หมูขณะที่นายอนุทินโชว์ฝีมือผัดกะเพรา และได้รับประทานอาหารที่ทำเองเป็นมื้อกลางวัน ร่วมกันกับรัฐมนตรีอีก 3 ท่านด้วย
จากนั้นนายภูมิธรรม ได้กล่าวกับ ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ก่อนมอบถุงยังชีพจำนวน 200 ชุด ว่า วันนี้เราจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแก้ไขทางเดินน้ำเป็นวาระแห่งชาติ งบประมาณ 2 แสนล้านบาท ซึ่งแผนนี้เคยมีในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่เนื่องจากถูกรัฐประหารไปก่อน โดยเราจะนำกลับมาทบทวน เพราะเพื่อให้แม่น้ำยม มีพื้นที่รับน้ำเหมือนแม่น้ำ ปิง วัง น่าน ถ้าพี่น้องเห็นด้วยเราจะดำเนินการ ส่วนคนที่ค้านขอให้มาคุยกับพี่น้องที่กำลังโดนน้ำท่วม เพราะเสียงของเราที่อยู่ตามลุ่มน้ำประสบภัยมาตลอดชีวิต เป็นเสียงที่มีความหมาย
ทั้งนี้ในส่วนของเฉพาะหน้าเราจะแจกถุงยังชีพ และเร่งระบายน้ำ ลดค่าน้ำค่าไฟ ตรวจความปลอดภัยหมู่บ้านที่ตัดน้ำตัดไฟ เพื่อคืนชีวิตปกติของท่าน ทลายน้ำท่วมน้ำขังให้หมดโดยเร็ว และหาทางป้องกันเพราะฤดูฝนยังไม่หมด รวมถึงเร่งซ่อมแซมส่วนที่เสียหายโดยใช้งบกองทัพไทย ขอให้ท่านสบายใจ
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะประสานกับกองทัพ บริษัทก่อสร้าง ให้เด็กอาชีวะ และเทคนิคต่างๆ มาช่วยแก้ไขดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมครม.ในวันอังคาร 3 ก.ย. 67