วันที่ 31 ส.ค.67 ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.พร้อม พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง  รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย ,
พ.ต.อ.อิสเรศ ปาลาพงศ์ รอง ผบก สส.บช.น. ,พ.ต.อ.ธีรศักดิ์  จันทราพิพัฒน์ รอง ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.อรรชวศิษฎ์ ศรีบุญยมานนท์ ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.วิโรฒ จนุบุษย์ และ พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.สส.3 บก.สส.บช.น.พ.ต.ต.วรุตม์ คำหล้า สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พิชชากร กองสวัสดิ์ ,ร.ต.อ.พงศธร อารีย์ รอง สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น., ด.ต.ประเทศ ช่อลำเจียก,จ.ส.ต.ภานุพงศ์ เวฬุวนารักษ์, จ.ส.ต.อวิรุทธ์ เนียมบุญเจือ, จ.ส.ต.นิติสิทธิ์ โชติคุต, ส.ต.อ.พลภัทร ปรีชา ผบ.หมู่ กก.สส.3  บก.สส.บช.น.  ชุดปฏิบัติการที่ 3 ร่วมกับนักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 115 ชุดปฏิบัติการที่ 5 ประกอบด้วย ร.ต.อ.อุปถัมภ์  พานแก้ว รอง สว.กก.สส.ภ.จว.ระยอง , ร.ต.ท.ชนาธิป  พะโรศิลป์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ ,ร.ต.ท.ชาคริต  นัยชิต รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน, ร.ต.อ.ธงชัย  สังผอม รอง สว.สส.สภ.บางกรวย จว.นนทบุรี, ร.ต.อ.หญิง วรนุช ไทรแก้ว รอง สว.ตม.จว.กาญจนบุรี บก.ตม.3 , ร.ต.อ.ศิวกร  ชื่นพาณิชยกุล รอง สว.กก.สส.1 บก.สส.ภ.1ร่วมกันจับกุม นายสุพรชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3802/2567  ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567  ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือหลอกลวง ,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น  มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลหนึ่ง เมื่อวันที่ 29 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ กก.สส.3 บก.สส.บช.น. ร่วมกับ นักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 115 จับกุม นายสุพรชัย อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 3802/2567  ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2567  ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนภายในซอยร่วมประดิษฐ์ ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต  จังหวัดกรุงเทพมหานคร

พล.ต.ต.ธีรเดช  กล่าวถึงพฤติการณ์ว่าก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้รับข้อความจากผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่ง ว่าจะมีของส่งมาให้จากต่างประเทศ โดยให้ผู้เสียหายชำระค่าภาษีเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท โดยมีการโอนชำระจากบัญชีต้นทาง ไปยังบัญชีปลายทางธนาคารชื่อบัญชี นายสุพรชัย ผู้ต้องหา เป็นจำนวน 20,000 บาท เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เวลา 09:50 น. ต่อมาผู้แจ้งทราบว่าตนน่าจะถูกหลอกลวง จึงเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์ ในชั้นจับกุม นายสุพรชัย ให้การว่า ได้รับการติดต่อจาก น.ส.หวาน ให้นำบัตรประชาชนไปเปิดหมายเลขโทรศัพท์ใหม่เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร เมื่อนำซิมและบัญชีมาให้จึงได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 1,000 บาท จากนั้นทราบจาก น.ส.หวาน ว่ามีเงินโอนเข้ามา 10,000 บาท แต่ น.ส.หวาน บอกว่า “ยังไม่ต้องทำอะไร เงินยังน้อยไป” จนมีเงินโอนมาเพิ่มอีก 20,000 บาท รวมเป็น 30,000 บาท น.ส.หวาน จึงให้ นายสุพรชัย ไปสแกนใบหน้าในแอปฯ หน้าตู้เอทีเอ็มเพื่อถอนเงินออกมาแบ่งกับ น.ส.หวาน โดยนายสุพรชัย ได้เงิน 20,000 บาท และ น.ส.หวาน 10,000 บาท นายสุพรชัย นำเงินไปใช้ซ่อมรถและแบ่งให้ภรรยา หลังจากนั้นเงินอุดหนุนบุตรเข้าบัญชีนายสุพรชัย จึงได้ทราบว่าบัญชีของตนถูกอายัดทั้งหมด จึงนำตัวผู้ต้องหาส่ง สน.บางเขน ดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช  กล่าวฝากเตือนภัยคนหาคู่ในโซเชียล  ระวังตกเป็นเหยื่อโรแมนซ์สแกม คือ การหลอกให้หลงรัก หลอกให้เชื่อว่ารัก หลอกให้เชื่อใจ ให้ความหวังว่าจะแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไป และใช้ความรักความเชื่อใจหรือความหวังของเหยื่อเพื่อแสวงหาประโยชน์ โดยหลอกให้โอนเงินหรือทรัพย์สินอื่นๆไปให้ คนร้ายที่เข้ามาหลอกลวงเหยื่อนั้น มักจะใช้รูปภาพของบุคคลอื่นที่ดูดี หล่อ สวย น่าเชื่อถือ มักใช้ภาพที่มีการแต่งกายดูดี ภูมิฐาน หรือภาพคนในเครื่องแบบ เช่น ทหาร แพทย์ นักธุรกิจ วิศวกร มีสถานะในโลกออนไลน์เป็นคนโสด หรืออาจเคยแต่งงานมาแล้วแต่ภรรยาเสียชีวิตหรือหย่าร้างกับภรรยาแล้ว คนร้ายจะแฝงตัวอยู่ในสังคมออนไลน์ทั่วไป ในเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันหาคู่ต่างๆ และอาจติดต่อพูดคุยกับเหยื่อได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล เฟซบุ๊ก ไลน์  เมสเซนเจอร์ ฯลฯ ดังนั้นควรรู้วิธีป้องกัน ก่อนตกเป็นเหยื่อของ Romance  Scam ไม่เชื่อคนหรือเรื่องราวต่าง ๆ ง่าย ๆ และอย่าขะคนที่รู้จักทางออนไลน์ อย่าคิดว่าจะได้เงินคืน ตระหนักอยู่เสมอว่าไม่มีของฟรีในโลก ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลอื่น ไม่ใส่ข้อมูลส่วนตัวลงบนสื่อออนไลน์ ไม่ตั้ง status เป็นสาธารณะ และป้องกันการถูกขโมยตัวตนและข้อมูลสำคัญในบัญชีต่าง ๆ โดยการใช้พาสเวิร์ดที่มีความมั่นคงปลอดภัย คาดเดาได้ยาก