ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก รอง ผกก.2 บก.ปอศ. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น นำโดย พ.ต.ท.ชวพล เชื้อเพ็ชร์ สว.กก.2 บก.ปอศ., ร.ต.อ.สรรเสริญ สอดสุข, ร.ต.อ.ภาคภูมิ พานิชขจรกุล รอง สว. กก.2 บก.ปอศ., ร.ต.อ.เจ็น ชุมทอง, ร.ต.ต.ธนะเมศฐ์ ปัจฉิมาพิหงษ์ รอง สว.(ป) กก.2 บก.ปอศ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 บก.ปอศ.ร่วมกันจับกุม นายประเสริฐ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ ค.193/2567 ลงวันที่ 28 สิงหาคม 2567 ร่วมกันตรวจค้น อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ตรวจค้นของกลาง สินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ เช่น Potassium Gold Cyanide ขนาด 100 กรัม และเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการชุบเครื่องประดับ รวม 192 รายการ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากข่าวสารที่มีผู้เสียชีวิตจากการกินสารเคมีอันตรายประเภท เกลือทองหรือ Potassium Gold Cyanide และสารเคมีดังกล่าวนั้นเป็น สินค้าควบคุมที่ใช้ในวงการเครื่องประดับและใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งถ้ามีการนำเข้าจากต่างประเทศ ต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำไปใช้เป็นเอกสารประกอบผ่านพิธีการศุลกากร และเมื่อมีการนำมาใช้ผิดประเภท ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่า มีสถานที่จัดเก็บและจำหน่ายสินค้าประเภท เกลือทองหรือ Potassium Gold Cyanide ซึ่งต้องสงสัยว่าลักลอบนำเข้ามาภายในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายค้นศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ในพื้นที่ ย่านถนนพระราม 3 ซอย 10 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร พบนายประเสริฐ อายุ 33 ปี แสดงตัวว่าเป็นผู้ดูแลอาคารดังกล่าวและเป็นผู้นำตรวจค้น ผลการตรวจค้น พบสินค้าประเภท เกลือทองหรือ Potassium Gold Cyanide และเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการชุบเครื่องประดับ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศ จำนวนกว่า 192 รายการ มูลค่ารวมกว่าล้าน
โดยสินค้าสำคัญที่ตรวจพบนั้น คือ เกลือทองหรือ Potassium Gold Cyanide มี 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ขวดเกลือทอง ขนาด 100 กรัม ฝาสีเขียว เชื่อว่าอาจจะมีตัวแทนนำเข้า/ตัวแทนจำหน่ายภายในราชอาณาจักร และแบบที่ 2 ขนาด 100 กรัม ฝาสีดำ เชื่อว่าอาจจะไม่มีตัวแทนนำเข้า/ตัวแทนจำหน่ายภายในราชอาณาจักร จึงได้ทำบันทึกตรวจค้นสินค้าดังกล่าวไว้ อยู่ในระหว่างตรวจสอบเอกสารการซื้อขายสินค้า, เอกสารการเสียภาษี และเอกสารการนำเข้าของสินค้าดังกล่าว และหากพบสินค้าที่ไม่มีเอกสารที่ถูกต้องมาแสดงให้ตรวจสอบได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินคดีกับผู้ครอบครองสินค้าในความผิดฐาน“ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่านำเข้ามาภายในราชอาณาจักรโดยมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร” ตาม พรบ.ศุลกากร 2560 มาตรา 246 ต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาได้ให้การว่าสินค้าส่วนหนึ่งอาจจะไม่สามารถนำเอกสารดังกล่าวมาแสดงให้ตรวจสอบได้ ซึ่งเคมีภัณฑ์ดังกล่าวนั้นได้นำมาเพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าร้านรับชุบเครื่องประดับ ที่นำไปใช้ในการชุบทองคำและเครื่องประดับต่างๆ