วันที่ 30 ส.ค.67 เวลา 16.00 น.พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม. ได้นำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี และ สภ.หนองปรือ ถือหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา ร่วมกันปิดล้อมเข้าตรวจสอบบ้านหรูหลังหนึ่ง ในพื้นที่บ้านยายมุข ม.6 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อ ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา

จากการตรวจค้นคฤหาสน์สุดหรู สูง 2 ชั้น บนพื้นที่กว้างกว่า 5 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิด ที่ห้องทำงานติดสระน้ำ พบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ทั้งหมด 15 คน นั่งเรียงรายหน้าคอมพิวเตอร์กำลังก้มหน้าแชทพูดคุยหลอกเพื่อนบ้านชาติเดียวกัน บนหน้าจอคอมพ์พบกราฟตารางหุ้น ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที สามารถตรวจยึดคอมพิวเตอร์ 18 เครื่อง มือถือ 90 เครื่อง บัญชีรายชื่อลูกค้ากว่า 1,000 ราย โดยมี นายฮู ซิน อายุ 40 ปี ชาวจีนเป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์

โดย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยว่า ได้สืบสวนกลุ่มขบวนการคนจีนเข้ามาทำผิดกฏหมายในประเทศไทย โดยจากการสืบสวนทราบว่า ได้มีกลุ่มคนจีน เข้ามาเช่าบ้านสุดหรูเดือนละ 150,000 บาท ในพื้นที่ ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี น่าจะเข้ามาทำคอลเซ็นเตอร์ เกี่ยวกับการชักชวนผู้เสียหายให้ทำการลงทุนเล่นหุ้น ซึ่งจะมีการแบ่งกันทำงายตามหน้าที่ โดยหน้าที่แรกจะมีการโทรศัพท์หาผู้เสียหายที่เป็นคนจีน ซึ่งจะมีกลุ่มเครือข่ายที่ทำหน้าที่ในการโทรศัพท์ ในการโทรศัพท์นั้น จะชักชวนให้ผู้เสียหายแอ้ด แอพพลิเคชั่นวีแชท เพื่อแนะนำหุ้นที่ดี

จากนั้นจะมีการให้ผู้เสียหายแอ้ดเข้ากลุ่ม หน้าที่ ที่สองจะให้ผู้เสียหายแอ้ดเข้ากลุ่มของแอปพลิเคชั่นใหม่ ซึ่งในกลุ่มนี้ จะมีแอดมินที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของคนร้ายทำหน้าที่ในการแนะนำการลงทุนหุ้น โดยจะมีการส่งข้อความชักชวนในแต่ละวันและข้อความที่มีการแนะนำหุ้น โดยจะมีการให้ผู้เสียหายทำการติดตั้งแอพพลิเคชั่น ที่สามารถดูบทเรียนเกี่ยวกับการเล่นหุ้น แต่อาจารย์ที่สอนแนะนำหุ้นนั้น ล้วนเป็นหนึ่งในสมาชิกขบวนการเดียวกับผู้ต้องหา และจากนั้นจะมีการเริ่มให้ผู้เสียหายเริ่มทำการลงทุน โดยในช่วงแรกจะมีการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้เสียหาย โดยจะทำให้ผู้เสียหายได้รับเงินรางวัลที่เข้าร่วมในการลงทุน 

ทั้งนี้ ผู้เสียหายจะส่งกระเป๋ารับเงินของแอปพลิเคชั่น โดยจะได้รับรางวัลประมาณ 20-100 หยวน และในขั้นตอนที่สาม เมื่อสร้างความน่าเชื่อถือได้แล้ว จะมีการแนะนำให้ผู้เสียหายลงทุนมากขึ้นและทำการหลอกเอาเงิน จึงเป็นที่มาในการสืบสวนเข้าจับกุมทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ในครั้งนี้

ในเบื้องต้น นายฮู หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่า เพิ่งเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการได้เพียง 3 วัน ส่วนยอดเงินหมุนเวียนอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ คาดว่า น่าจะหลายสิบล้านบาท ถึงหลักร้อยล้านบาท ซึ่งชาวจีนที่ถูกจับกุมทั้งหมด ได้เดินทางเข้ามาด้วยวีซ่า นักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ตำรวจจะเร่งสืบสวนขยายผลเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา รายนี้ต่อไป