จากกรณีการจับจุม 1.นายสุรชัย หรือ อาร์ท อินสาม อายุ 43 ปี 2.นายสุรศักดิ์ หรือเอส อินสาม อายุ 46 ปี 2 ผู้ต้องหา "มือผสมยาดอง” ในข้อหา "ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ร่วมกันปลอมปนอาหาร ยา หรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใดเพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ หรือจำหน่าย หรือเสนอขายสิ่งเช่นว่านั้นเพื่อบุคคลเสพหรือใช้จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันผลิตและจำหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต” ได้ที่ม.10 ต.บ่อตาโล่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 29 สิงหาคม ก่อนนำตัวส่ง บก.สส.บช.น. ในเวลาต่อมา

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.40 น.วันที่30 ส.ค.2567  ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บก.สส.บช.น.) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น เปิดเผยถึงกรณีการจับดังกล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้ได้รับการสั่งการจาก พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช. ให้ประสานกำลังในการจับกุมร่วมกับชุดสืบนครบาล ชุดสืบภาค 1 และภ.จว.พระนครศรีอยุธยา กว่า 50 ชีวิต เนื่องจากตัวผู้ต้องหาได้ไปหลบหนีไปที่อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จึงต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ใช้เวลากว่าครึ่งวันในการหาผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย  

ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ยังคงให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าวัตถุดิบที่จำหน่ายให้กับน.ส.ภัสส์รศา อารีจิตสุขสิริ อายุ 49 ปี หรือ”เจ๊ปู” ผู้ผลิตยาดอง นั้นมาจากเอทิลแอลกอฮอล์ ร้อยละ 95 ผสมกับน้ำดื่ม ในอัตราส่วนเฉพาะที่ได้คิดค้นสูตรขึ้นมาเอง

ส่วนเหล้าขาว ทั้ง 2 คน ยังคงยืนยันว่า เป็นวัตถุดิบที่อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ในการอุตสาหกรรมประกอบอาหาร ซึ่งสามารถทาน หรือดื่มได้ และยืนยัน ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุของคดีที่เกิดขึ้น เป็นเพียงผู้ผลิตวัตถุดิบและนำไปจำหน่ายให้กับ น.ส.ภัสส์รศา เท่านั้น

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีพฤติการณ์เปลี่ยนที่อยู่จากกรุงเทพมหานครไปยังต.บ่อตาโล่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา  จึงเชื่อได้ว่าเป็นการหลบหนีอย่างแน่นอน

ต่อมาในเวลา11.35 น. พนักงานสอบสวนได้นำตัว ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน  หลังถูกสอบปากคำขึ้นรถ เพื่อนำตัวให้กับพนักงานสอบสวนที่สน.มีนบุรีต่อไป

โดยนายสุรชัย หรือ อาร์ท หนึ่งในสองผู้ต้องหาเปิดเผยว่า ตน อยากที่จะขอโทษสังคมและรู้สึกเสียใจ กับผู้สูญเสียและผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องขอโทษจากใจจริง