หมายเหตุ : ขณะที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ยังไม่ได้เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรอให้การตั้งครม.ใหม่ และเข้าแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ดำเนินให้เสร็จสิ้น แต่ปรากฏว่า “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ผู้เป็นพ่อ กลับเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าใครคือนายกฯตัวจริง
“รายการสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” มีบทสัมภาษณ์พิเศษ “ผศ.ทวี สุรฤทธิกุล” อดีตคณบดี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิเคราะห์สถานการณ์ และปรากฎการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไป
- ภายหลังจากที่มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกฯคนใหม่ ผ่านไปแล้วกว่า 1 สัปดาห์ เราเห็นบรรยากาศทางการเมืองเป็นอย่างไรบ้าง เพราะวันนี้ยังไม่มีครม.ชุดใหม่ ออกมา
ผมคิดว่า การเมืองตอนนี้ตื่นเต้นกว่าทุกครั้ง เพราะครั้งนี้มีปรากฎการณ์ทางการเมืองใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างน้อย 2-3 เรื่อง ประการแรก คือการที่มีนายกฯคนใหม่ ซึ่งอายุน้อย อาจจะดูอ่อนประสบการณ์ แม้จะเป็นนายกฯหญิง คนที่สองก็ตาม
ความตื่นเต้นประการที่สอง พบว่ามีตัวละครเข้ามายุ่งเกี่ยวเยอะ โดยเฉพาะผู้ปกครองของนายกฯแพทองธาร คือคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และเหมือนกับว่ามีการครอบงำกันอยู่ในที
ประการที่สาม คือความตื่นเต้นที่ว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้จะสำเร็จราบรื่นหรือไม่ จะไปตลอดรอดฝั่งอย่างไรหรือไม่ ด้วยความที่ยังเป็นนายกฯซึ่งยังไม่มีบารมีมาก ประกอบกับการที่มีผู้มาควบคุมสั่งการอยู่ภายนอก
- เมื่อลูกสาวคุณทักษิณ มาเป็นนายกฯครั้งนี้มีการมองในหลายมุม ทั้งในแง่ที่ว่านี่คือโอกาสของพรรคเพื่อไทย และคุณทักษิณ แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังถูกมองว่าอาจจะเป็นการปิดเร็วสำหรับครอบครัวชินวัตร
ผมมองแล้วพบว่าคุณทักษิณ จะมีความยินดีมากที่สุด ดังนั้นจึงมองได้ว่า นี่อาจจะเป็นโอกาสของคุณทักษิณ ทั้งการฟอกตัวเองให้พ้นจากมลทินต่างๆในอดีต และยังสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้เป็นที่ยอมรับ เปลี่ยนความเป็นคุณทักษิณที่เคยมีความหมัวหมองในอดีต ขณะเดียวกันผมก็ยังมองว่าคุณทักษิณ จะมีบทบาทมาก ในการที่จะเข้าไปช่วยรัฐบาล
ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราได้ฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณ บนเวทีสื่อสำนักหนึ่งที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรต่างๆ ได้สำเร็จ ซึ่งก็จะเชื่อมโยงไปยังคำถามที่ว่า การที่กลับเข้ามาครั้งนี้มีมิชชั่น (ภารกิจ) ที่จะทำอะไรต่างๆมากมาย มีคนจับประเด็นได้ถึง 6-7ข้อ แต่ในแต่ละข้อนั้น ก็ทำได้ยาก แต่ต้องรอดูว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ หากทำสำเร็จจริง ก็จะนำไปสู่สิ่งที่มุ่งหวัง นั่นคือการล้างข้อมลทิน แต่ตอนนี้ที่ต้องติดตามว่า จะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จหรือไม่
-การกลับมาของคุณทักษิณ ยังถูกจับตาและวิเคราะห์กันต่อไปว่า นี่คือเกมอำมหิต กลับมาสะสางความแค้นเก่าๆ กับศัตรูคนเก่า โดยการตั้งครม.รอบนี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ ถูกแบ่งออกเป็นสองขั้ว และยังทำให้เกิด “6 สส.งูเห่า” ของพรรคไทยสร้างไทย มายกมือโหวตหนุนคุณแพทองธาร เป็นนายกฯ ทั้งที่เป็นพรรคฝ่ายค้าน
หากย้อนกลับไปฟังวันที่คุณทักษิณ แสดงวิสัยทัศน์ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.67 บอกว่าให้ลืมอดีต แต่ผมเชื่อคุณทักษิณ ไม่ลืม เราจะเห็นได้หลายอย่าง ซึ่งมองได้ว่าเป็นการล้างแค้น ทั้งบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ,คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่ต้องการให้อับอายขายหน้าในเบื้องต้น จากนั้นก็อาจจะทำให้เกิดการผิดหวัง จนที่สุดพรรคนั้นก็เกิดการล่มสลาย
ดังนั้นสิ่งที่เราเห็น ในกระบวนการต่างๆก็เหมือนกงเกวียนกำเกวียน คือการกลับมาล้างแค้น ดังนั้นปากกับใจของคุณทักษิณ คงไม่ได้ตรงกันมากนัก คุณทักษิณ ต้องล้างแค้นหรือสิ่งที่คาใจอีกหลายเรื่อง หากคุณทักษิณรอดพ้นจากหลายเรื่อง หลายคดีที่มีอยู่ ก็จะยิ่งย่ามใจ ดังนั้นผมคิดว่าบรรดานักร้องต่างๆ ก็อาจจะถูกเอาคืนได้เหมือนกัน
-หลายคนเป็นห่วงพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะถึงขั้นสูญพันธุ์เลยหรือไม่ ซึ่งมี 25 เสียงแต่ยังถูกแบ่งออกเป็น 2กลุ่ม คือกลุ่มของหัวหน้าพรรค 21 เสียงที่อยากร่วมรัฐบาล ส่วนอีก 4 เสียงประกาศจุดยืนไม่ต้องการเข้าร่วม
พรรคประชาธิปัตย์ เขาบอกว่าไม่สูญพันธุ์ และมีสื่อบางสำนักบอกว่าพรรคนี้เหมือนแมลงสาบ เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ แต่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ แม้ล่าสุดกลุ่มของคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค จะเข้าร่วมรัฐบาล แต่พอสื่อไปถามคุณชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ ของพรรค ก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไร และจะไม่ลาออก เพราะฉะนั้นพรรคประชาธิปัตย์ ยังอยู่ เนื่องจากคุณชวน กล้ารับประกันทั้งที่พรรคกำลังมีปัญหามาก
ครั้งนี้เหมือนกับว่าพรรคประชาธิปัตย์เองก็ยอมรับสถานะ ว่าเนื้อแท้ของพรรควันนี้ ไม่ได้เป็นเหมือนในอดีตอีกแล้ว เป็นอีกยุคหนึ่ง ไม่ใช่ยุคเก่าๆสมัยคุณชวนแล้ว
-มาที่พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเหมือนกับว่าคุณทักษิณ มาเพื่อปิดสวิตช์ “ป.” สุดท้าย คือ บิ๊กป้อม ด้วยการพังพรรคพลังประชารัฐ ในการจัดตั้งรัฐบาลรอบนี้ ทำให้เกิดกลุ่มสังกัดร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาฯพรรค ขัดแย้งกับหัวหน้าพรรคคือพล.อ.ประวิตร
ปิดสวิตช์ พล.อ.ประวิตร นั้นเชื่อยังไม่ใช่ เพราะยังแข็งขันอยู่เหมือนเดิม ก็เหมือนกับคุณชวน ที่ยืนยันว่าไม่ลาออก และจะขับเคลื่อนพรรคต่อไป ซึ่งดูเหมือนจะสอดคล้องกันว่าหากทางฝั่งร.อ.ธรรมนัส เสนอชื่อว่าที่รัฐมนตรีเข้าไป ก็จะรับรองด้วย แสดงให้เห็นว่าไม่ได้คัดค้านอะไร แต่ถ้าไปฝืนทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกแยกกัน พรรคก็จะพัง สิ่งที่กำลังทำ คือต้องไม่ให้พรรคพัง รวมทั้งความพยายามรักษาอำนาจของตัวเองด้วย
ผมได้อ่านกฎหมายพรรคการเมืองคร่าวๆ ระบุว่าการเสนอรายชื่อรัฐมนตรี จะต้องผ่านความเห็นชอบจากมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐก็ไม่น่ามีปัญหา แม้จะมีการเสนอรายชื่อกันเกินจำนวนไปก็ตาม แต่เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็มองว่าให้เป็นสิทธิขาดของพรรคเพื่อไทย ในที่สุดก็คือสิทธิขาดของคุณทักษิณ นั่นเอง
แต่ถ้าฟังที่คุณทักษิณ พูดแสดงวิสัยทัศน์ เหมือนกับว่ายังรู้สึกเจ็บแค้นพล.อ.ประวิตร อยู่มาก เพราะฉะนั้นหากในการตั้งครม.รอบนี้ เลือกเอาฝ่ายร.อ.ธรรมนัส ซึ่งใจผมเชื่อว่าคงเอาชื่อร.อ.ธรรมนัส ไปก่อน จากนั้นจะไปโดนเขี่ยออกในภายหลัง เมื่อถูกตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ก็เพื่อต้องการหักหน้าพล.อ.ประวิตร เท่านั้น
ดังนั้นการที่พรรคพลังประชารัฐ แสดงบทบาทเช่นนี้ก็ย่อมรู้ตัวอยู่แล้วว่า เป็นรองพรรคเพื่อไทย ไม่มีอะไรไปต่อรอง ยอมรับว่าพ่ายแพ้แล้ว แต่ก็จะไม่ยอมถอยให้กับคุณทักษิณ
- การเคลื่อนไหวของคุณทักษิณ ในทางการเมือง จากการขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ ภาพเหล่านี้พอจะบอกอะไรเราได้บ้าง เรากำลังย้อนกลับไปสู่ “ระบอบทักษิณ” รอบใหม่ ในยุค 2024 ใช่หรือไม่
ความจริงแล้วระบอบทักษิณ ครอบงำประเทศไทยมาตั้งแต่พ.ศ.2544 จนถึงวันนี้รวมแล้ว 23ปี ระบอบทักษิณ ไม่ได้ถอยออกจากไปการเมืองไทยเลย ผมขอเรียกว่าลัทธิทักษิณ เพราะมันแรงกว่าระบอบ เพราะมันเป็นความเชื่อ เป็นสิ่งที่ปลูกฝังเข้าไปในความคิดของคนบางกลุ่มแล้วว่า ขาดคุณทักษิณ ไม่ได้โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และมวลชนของพรรคเพื่อไทยเอง
ถึงขนาดที่คุณทักษิณ กล้าประกาศว่าหากยังอยู่ ไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า จะพาให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้เสียงท่วมท้น เพราะฉะนั้นระบอบทักษิณ ยังมีอิทธิพลมาก และสิ่งที่คุณทักษิณ ต้องการคือการแสดงอภินิหาร ว่าตนเองมีความยิ่งใหญ่ มีความสำคัญ จะทำอะไรก็ได้ อยู่เหนือกฎหมาย และไม่ติดคุกเลย และต่อไปก็อาจจะช่วยน้องสาว กลับประเทศไทยได้อีก
มีข่าวลับๆมาว่าในการกลับมามีอำนาจในครั้งนี้ภายใต้รัฐบาลของลูกสาว อาจจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองในทางกฎหมายมากมายตามมา ซึ่งรวมถึงอาจจะมีการนิรโทษกรร ซึ่งเมื่อครั้งปี 2556 มีการเสนอนิรโทษกรรมฉบับสุดซอย แต่ไม่สำเร็จ จนนำมาสู่การเคลื่อนไหวของกปปส. ขับไล่คุณยิ่งลักษณ์ ซึ่งจากนี้ไปเชื่อว่าคุณทักษิณ จะเอาคืน เพื่อให้มีการนิรโทษกรรมให้สำเร็จ จะมีการแสดงอภินิหารอีกรอบหนึ่ง
และคาดว่าจะมีการแสดงอภินิหารในช่วงใกล้ๆนี้ คือในเดือนก.ย.ที่จะมีการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตคนละ 1หมื่นบาท สำหรับกลุ่มแรก 14 ล้านคน สิ่งเหล่านี้จะสร้างให้ระบอบทักษิณมีความยิ่งใหญ่ คนไทยเป็นคนใจอ่อนไหว เห็นใครทำอะไรก็ว่าไปตามกัน จะเรียกว่าไทยมุงก็ได้ ฉะนั้นบรรยากาศแบบทักษิณฟีเวอร์ก็อาจจะเกิดขึ้นได้อีก หากไม่มีใคร หรือศัตรูมาขวางทางได้ก็มองว่าระบอบนี้ยังน่ากลัวอยู่
-การมีอยู่ของพรรคการเมืองอีกขั้วหนึ่ง คือพรรคประชาชน ที่มาจากพรรคก้าวไกล การเมืองแบบนี้จะสามารถพลิกกลับมาสู้กับระบอบทักษิณได้หรือไม่
ผมคิดว่ายังสู้ได้ เพราะการที่มีพรรคประชาชน ขึ้นมาใหม่ ต่อจากพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบไปมันแสดงให้เห็นว่าเขายังมีความมุ่งมั่น ที่จะออกมาสู้ตลอดไป และการที่พรรคประชาชนมีกิจกรรมต่างๆ มันคือความเคลื่อนไหว จุดนี้ผิดจากพรรคการเมืองระบบเก่า ที่เขาขายสส.หรือขายผู้นำ แต่พรรคนี้เขาขายกระบวนการ ขายกิจกรรมของประชาชน พรรคมีฟอรั่มเล็กๆ จัดกลุ่ม จัดการสัมมนา ซึ่งในทางการเมืองแล้วนี่คือการประชาสัมพันธ์พรรค คือการทำให้พรรคแน่นแฟ้นกับประชาชน
ดังนั้นผมคิดว่าพรรคประชาชนเอาจริง และน่าจะมีโอกาสอีกมาก ที่จะกลับฟื้นคืนเข้ามา และยิ่งถ้าหากพรรคเพื่อไทย หรือคุณทักษิณ และคุณแพทองธาร ไปทำอะไรจนเกิดข้อผิดพลาด ก็จะยิ่งทำให้พรรคประชาชนได้เปรียบขึ้นมา
และถ้าเรามองข้ามไปอีกช็อตหนึ่ง จะเห็นได้ว่าพรรคการเมืองที่ไปอยู่กับคุณทักษิณ ก็คือพรรคที่ส่วนใหญ่อยู่กับในสภาฯนั่นเอง ดังนั้นเท่ากับว่ามีเพียงพรรคประชาชน เพียงพรรคเดียวที่ไม่เข้าไปแปดเปื้อน กับความล้มเหลว หรือปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการบริหารของรัฐบาลชุดนี้
-คุณทักษิณมีความมั่นใจอย่างมากว่าคุณแพทองธาร จะไม่ซ้ำรอยถูกรัฐประหาร อะไรคือปัจจัย เงื่อนไขที่ทำให้คุณทักษิณ คิดแบบนั้น
ทหารก็เหมือนกันทุกยุค ทุกสมัยคือถ้าเขาไม่มีแรงบีบ ก็ไม่ออกมา ฉะนั้นคุณทักษิณ อาจจะมองแล้วว่า ต่อไปก็อย่าไปสร้างแรงบีบซิ อย่าไปสร้างเรื่องกลายเป็นชนวนที่ทำให้ทหารต้องออกมา ตอนนี้มันมี เรื่องของการตั้งรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งผมมองว่าพรรคเพื่อไทยถอย เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะส่งคุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เข้าไปนั่ง ต่อมาก็มีข่าวว่าจะเปลี่ยนแล้ว ซึ่งคุณทักษิณ คงมองว่าเขาจะเชื่อมกับทหารได้ เนื่องจากมีข่าวว่าจะเลือกนายทหารที่มีความใกล้ชิดกับขั้วอำนาจเก่าแทน
นอกจากนี้คุณทักษิณก็รู้ว่ามวลชน ที่สนับสนุนพรรคประชาชน ก็เป็นศัตรูของทหารด้วย ดังนั้นหากอยากจะไม่ให้ทหารมองพรรคเพื่อไทยในแง่ร้ายก็ต้องต่อสู้กับพรรคประชาชนไปด้วย ซึ่งเมื่อวันที่คุณทักษิณ พูดบนเวทีแสดงวิสัยทัศน์ เขาก็พูดชัดเจนว่า ไม่สามารถอยู่ร่วมกับพรรคก้าวไกลได้ เพราะเรื่องมาตรา 112 และเขาจะไม่ไปร่วมกับพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าตัวเขาเองจะไม่ไปยุ่งกับทหาร
และเรื่องสุดท้ายที่ทำให้คุณทักษิณ มั่นใจว่าทหารจะไม่ปฏิวัติ เพราะทหารไม่ได้เข้มแข็งเหมือนในอดีต ทหารก็มีฝักมีฝ่าย นักการเมืองก็มองออกว่าทหารก็เป็นคนเหมือนกัน แข็งเท่าแข็งก็เอาผลประโยชน์ง้างได้ ดังนั้นคุณทักษิณ จะใช้วิธีผูกสัมพันธไมตรีกับทหารก็ได้ จะเห็นได้ว่าในสมัยรัฐบาลคุณทักษิณ มีการโยกย้ายนายทหารเยอะมาก เพื่อที่จะวัดกำลังหรือเพื่อซ่องสุมกำลังพลอะไรก็แล้วแต่ เพื่อประโยชน์สำหรับพรรคการเมือง ดังนั้นคุณทักษิณก็อาจจะกลับมาใช้ แนวทางเหล่านี้เพื่อมัดใจไม่ให้ทหารปฏิวัติ
-ครั้งนี้ถือเป็นเดิมพันสุดท้ายสำหรับคุณทักษิณ หรือไม่
คุณทักษิณ เป็นคนที่เจ็บลึก ฝังลึก เพราะฉะนั้นเดิมพันครั้งนี้ ไม่ใช่เดิมพันครั้งสุดท้ายแน่นอน แต่จะเป็นเดิมพันใหญ่ หรือการต่อสู้ครั้งสำคัญของคุณทักษิณ และหากชนะก็จะสู้ต่อไป เพื่อที่จะเอาชัยชนะอื่นๆตามมา แต่ถ้าหากแพ้ หรือจะต้องหนีออกนอกประเทศอีกรอบ คุณทักษิณ ก็จะสู้ใหม่ แม้กระทั่งตาย วิญญาณก็จะอยู่ในร่างของคนอื่นอีก หากพูดกันแบบหนังกำลังภายในจีน แค้นนี้จะต้องสืบทอดไปถึงลูกหลาน เพราะฉะนั้นสิ่งนี้จะสำคัญมากสำหรับสังคมไทย ที่จะต้องระวังไม่ให้คุณทักษิณ ใช้อำนาจเกินขอบเขต และที่สำคัญจะต้องพยายามสร้างแรงถ่วงดุล
ซึ่งรัฐบาลชุดนี้จะเกิดปัญหาที่เรียกว่า ขาดพลังที่จะสร้างแรงถ่วงดุล ขณะที่พรรคประชาชนก็อ่อนแอ ส่วนรัฐบาล เองก็มีหลายส่วนที่อ่อนแอ แตกกันเองภายในพรรค พรรคเพื่อไทยเองก็ครอบงำได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้น มันก็จะพาเราไปสู่ระบอบทักษิณ อีกรอบได้หรือไม่