ดนตรี / รุ่งฟ้า ลิ้มหัสนัยกุล
นึกถึงบันเทิงฮ่องกง ภาพจำที่ติดในหัวก็จะประกอบไปด้วยภาพยนตร์และละครชุดดังๆทั้งในแบบกำลังภายในและสมัยใหม่ รวมทั้งเพลงภาษากวางตุ้งจากนักร้องดังๆ-ที่หลายคนควบตำแหน่งนักแสดงด้วย อย่าง ฟรานซิส ยิป, หลอเหวิน, วง เดอะ วินเนอร์ส, เลสลี่ จาง, เหมยเยี่ยนฟาง, จางเสวียโหย่ว-หลิวเต๋อหัว สองในสี่ของ จตุรเทพ และอีกมาก แต่นั่นก็เป็น “เสียง” เก่าจากอดีต เสียงเพลงแคนโต-ป็อปที่คุ้นเคยแทนที่ด้วยเสียงเพลงป็อปร่วมสมัยจากคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง-ที่ขยับเข้าสู่โลกใบใหญ่มากกว่าเดิม ด้วยการนำเสนอเป็นภาษาอังกฤษมากกว่ากวางตุ้งอันเป็นภาษาแม่
อย่างไรก็ดี ภาษาไม่ใช่เรื่องใหญ่ วันนี้ คนดนตรีจากเอเชียรุ่นใหม่ๆมากมายล้วนทำแบบนี้ แต่ใครจะไปได้ไกล ประสบความสำเร็จใหญ่-นั่นเป็นอีกเรื่อง
สำหรับ ชานกา หรือ ฉ่านก๊า-ในสำเนียงกวางตุ้ง เธอเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
หญิงสาววัยต้นสามสิบที่หัดเล่นกีตาร์ด้วยตัวเอง เคยเล่นเพลงคัฟเวอร์ตามท้องถนนในช่วงต้น ก่อนตัดสินใจเขียนเพลงเอง และมีเพลงแรกออกมาในปี 2017 สามปีต่อมาก็มีอีพี.ชุดแรก Shades of Blue ล่าสุดมีอัลบั้ม Human Heart ออกมาให้ฟังกันในปีนี้ ระหว่างนั้นก็มี Noisy (The Remix) เพลงเดียวที่ทำออกมาหลายแบบ
จากโฟล์คในตอนต้น ชานกา ค่อยๆเติมสีสันดนตรีอื่นๆลงไปในเพลงของเธอ จนกลายเป็นเพลงอิเล็กโทรนิค-ป็อป ฟังสนุกพอให้ขยับเคลื่อนไหวร่างกาย บางเพลงมีสุ้มเสียงของดรัม แอนด์ เบสส์เจือจางอย่างที่ได้ยินใน “Noisy”, “Dive In” และหนักขึ้นมาอีกนิดใน “Who A U?” ขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งความไพเราะของท่วงทำนอง บวกเสียงร้องหวานๆที่มีอารมณ์ฟุ้งฝัน ทำให้เพลงของ ชานกา มีบรรยากาศล่องลอย-แม้แต่ในเพลงที่ค่อนข้างหน่วงหนืดอย่างสองสามเพลงที่เอ่ยชื่อไปข้างต้น
เพลงอื่นๆอย่าง “Hypocrite” เป็นอิเล็กโทรนิค-ป็อปที่ติดหูง่ายตั้งแต่ฟังครั้งแรก เช่นเดียวกับ “Frequency”, “.. -- //” เพลงที่ฟังสดใสหน่อย-ในส่วนดนตรี-แต่เนื้อหาว่าด้วยความคิดถึงคนรักเก่า และ “Undine” เพลงช้าๆ เนิบๆ แต่ให้ความรู้สึกดิ่งลึกลงไปในความหม่นเศร้า ส่วน “Like a Moth of Flame” เพลงช้าอีกเพลงที่ตัวดนตรีโปร่งแต่เรื่องราวกับเสียงร้องของเธอกลับทำให้เปลี่ยวเหงาบอกไม่ถูก
Human Heart มีทั้งหมด 12 เพลง ชานกา บอกว่าเป็น 12 เพลงถ่ายทอดความรู้สึกของเธอในหนึ่งปี ที่ขึ้นๆ ลงๆ ไปตามสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เข้ามาตกกระทบ เริ่มต้นด้วยสีหม่น (“Undine”) และจบลงด้วยความคึกคักสนุกสนาน (“I Kinda Feel Like Going Home”)
อาจไม่แปลกใหม่ แต่ก็มีอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ยิ่งเมื่อเป็นงานของสาวเอเชียตัวเล็กๆเพื่อนบ้านเราที่ไกลออกไปหน่อย ก็อยากจะสนับสนุนให้เธอไปได้ไกลบนถนนสายนี้ที่เธอเลือก
ที่สำคัญ เป็นงานเพลงที่รวมๆแล้วฟังเพลิน ฟังสบาย และกลมกล่อมทีเดียว