“พปชร.”เดือด จวกยับ”อุ๊งอิ๊ง” ไม่รักษาคำมั่น พร้อมยกข้อกฎหมายอ้างอาการน่าเป็นห่วง ส่อถูกมองมีปัญหาขัดจริยธรรม ไม่ซื่อสัตย์สุจริต ปิดปากคลิปลับบ้าน“จันทร์ส่องหล้า” ด้าน “ลุงป้อม” อารมณ์ดีบอก”สบายมาก” ขณะที่ “เสรีพิศุทธิ์”แฉทิ้งทวนหลังถอนตัวร่วมรัฐบาลเพื่อไทย ยอมรับน้อยใจ”ทักษิณ”ไม่เห็นดัว เตรียมงัดหลักฐานเด็ดชั้น14
ที่พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.67 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยไม่เอาพรรคพลังประชารัฐร่วมรัฐบาล จะเป็นอย่างไรต่อไป ว่า เรื่องของพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวอะไรกับพรรคเพื่อไทย เรื่องของพรรคพลังประชารัฐเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีโดยตรง ในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้มีสัญญาประชาคม เสมือนหนึ่งเป็นคำมั่นกับพรรคพลังประชารัฐ แสดงออกต่อสาธารณะอย่างครบถ้วนแล้ว พรรคพลังประชารัฐได้เห็นชอบให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี และน.ส.แพทองธารได้ให้คำมั่นว่าจะให้พรรคพลังประชารัฐมีที่นั่งในคณะรัฐมนตรี ตามสัดส่วนเดิมและตำแหน่งเดิม การที่กล่าวแบบนี้ เพราะหลังจากให้คำมั่นพรรคพลังประชารัฐได้ให้ ส.ส.ไปออกเสียงสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีทั้งหมด 30 เสียง อาจจะมีหัวหน้าพรรคคนเดียวที่ติดภารกิจ มีเหตุจำเป็น ซึ่งพรรคพลังประชารัฐได้ทำครบแล้วตามคำมั่นที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้ เราก็ตอบสนองไปโหวตให้เรียบร้อย จึงเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการตามคำมั่นที่ให้ไว้
“อยากจะให้ความรู้ทางกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 362 ซึ่งบัญญัติ ไว้ว่า บุคคลออกโฆษณาให้คำมั่นว่าจะให้รางวัลแก่ผู้ซึ่งกระทำการอันใด ท่านว่าจำต้องให้รางวัลแก่บุคคลใดๆ ผู้ได้กระทำการอันนั้น แม้ถึงมิใช่ว่าผู้นั้นจะได้กระทำเพราะเห็นแก่รางวัล ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้คำมั่นแล้ว และหลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีก็บอกว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล มีการโฆษณาเผยแพร่ผ่านสื่อ ยืนยันว่าไม่มีอะไรที่เราไปเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย แต่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีโดยเฉพาะ”
นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่สื่อมวลชนไปพูดว่าพรรคพลังประชารัฐจะมีปัญหา ขอเรียนว่าพรรคเราสบายมาก หัวหน้าพรรคมีความสุขและมีความเข้มแข็ง แน่วแน่ที่จะดูแลพรรคพลังประชารัฐไปตลอด ไปจนไม่ไหว ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้น มันเกิดตามนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคไม่ได้พิจารณาในเรื่องนั้นเลย ไม่มีอะไรที่เราต้องเป็นห่วง ที่ท่านควรจะห่วง ควรจะห่วงท่านนายกรัฐมนตรีมากกว่า เพราะการไปให้คำมั่นมาแล้ว ทำครบถ้วนสมบูรณ์แบบนั้นแล้ว และนายกรัฐมนตรี เล่นไม่ปฏิบัติตามคำมั่น วิญญูชนโดยทั่วไปเขาก็จะว่าได้ว่านายกรัฐมนตรีอาจจะมีปัญหา จะโดนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อาจจะขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ สื่อควรไปห่วงนายกรัฐมนตรีมากกว่า เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์เป็นเรื่องสำคัญ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ต้องไปดูกันว่าเจตนารมณ์เพื่อไม่ให้ผู้บริหารขาดคุณธรรม จริยธรรม เข้ามามีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง ซึ่งน่าเป็นห่วง เพราะเป็นคำวินิจฉัยด้วย ยืนยันว่ากำลังพูดตามหลักวิชาการ ไม่ได้ขู่ใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาล แล้วไม่ปรากฏชื่อพรรคพลังประชารัฐและแคนดิเดตรัฐมนตรีที่เสนอไป จะยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในข้อหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคผู้ใหญ่ เราไม่ไปทำอะไรอย่างนั้นหรอก เราเพียงแค่บอกว่าถึงเรื่องราวว่าเป็นเรื่องของคำมั่น คำมั่นไม่ต้องมีสัญญา ไม่ต้องลงรายมือชื่อ เป็นการแสดงเจตนา ตนก็ต้องถามกลับ ระดับนายกรัฐมนตรีซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วางบรรทัดฐานไว้ชัดเจนเมื่อไม่กี่วันมานี้ เมื่อมีคำมั่นแล้วไม่ปฏิบัติตามคำมั่น มันก็จะเป็นเรื่องครหา สังคมอาจจะติเตือน “ห่วงที่สุดคือสถานะของรัฐบาล ถ้าเริ่มต้นอย่างนี้แล้วจะไปได้สักเท่าไหร่”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวคนบ้านป่ามีคลิปวิดีโอของคนบ้านจันทร์ฯ ในวันเรียกรัฐมนตรีหารือ หลัง นายเศรษฐา ทวีสิน หลุดจากตำแหน่ง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายไพบูลย์ หัวเราะก่อนกล่าวว่า “ไม่ทราบ และถึงจะทราบก็ไม่รู้จะบอกทำไม ดังนั้น ตอนนี้ถือว่าไม่ทราบแล้วกัน”
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตอบข้อสักถามผู้สื่อข่าวถึงบรรยากาศการประชุมกรรมการบริหารพรรควันเดียวกันนี้เป็นอย่างไรและสบายดีหรือไม่ ว่า “สบายมาก” ก่อนจะเดินขึ้นรถและเดินทางออกจากพรรคไป โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ
วันเดียวกัน ที่พรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทย กรณีถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้พรรคเสรีรวมไทยทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว แม้ยังต้องการทำงานให้ประเทศ แต่เมื่อไม่มีโอกาสก็ขอไปทำงานด้านอื่นก็ได้ ที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน ตั้งนักโทษมาเป็นรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันนักโทษมาตั้งรัฐมนตรีเอง จะอยู่ร่วมกันต่อไปได้อย่างไร จึงได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 27 ส.ค. และมีมติ 7 เสียง ต่อ 4 เสียง ให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และได้แจ้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผ่าน นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ว่าขอถอนตัว และจะเป็นอิสระต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้พรรคได้สร้างผลงานและปฏิบัติงานตามอุดมการณ์แนวนโยบายของพรรคอย่างเต็มที่และรักษาประโยชน์ประชาชนประเทศชาติ ทั้งนี้การอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ โดยมารยาทจะไม่สามารถวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลได้ จะอึดอัด ทำอะไรต้องยอมให้เขาเหยียบตลอดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่ถอนตัวเพราะอาการน้อยใจหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “ผมโกหกใครไม่เป็น ผมน้อยใจ เห็นว่าวันที่ไปประชุมพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกฯ พูดแดกดันว่าพรรคเสรีรวมไทยรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิตแล้ว เผื่อมีโอกาสร่วมงานกับรัฐบาลบ้าง เพราะมีปัญหาเช่น เรื่องตำรวจ ที่รองนายกฯ และรักษาการนายกรัฐมนตรี บอกจะขอดูแลงานตำรวจเอง แบบนี้จะมีปัญหา ทั้งที่ผมเคยเป็นผบ.ตร.มาก่อน เพราะการดูแลตำรวจไม่ใช่แค่การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจให้เป็นคนของตัวเองเท่านั้น แต่ตำรวจต้องมีการปฏิรูปการทำงาน การบริหารจัดการ พรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดทำงานให้ตำรวจเลย คิดแต่จะคุมการแต่งตั้งผบ.ตร. ทำให้ประชาชนขาดศรัทธาตำรวจ”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า สมัยที่ตนเป็นผบ.ตร. มีความสนิทกับนายทักษิณและครอบครัว มีนักการเมืองทั้ง นายทักษิณ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ มาขอเรื่องการแต่งตั้งผู้กำกับการ ตนให้ รวมถึง นายชวน หลีกภัย ,นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ,นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาขอตำแหน่งผู้การ ก็ให้หมด แต่ตนไม่เคยได้รับการตอบแทนจากคนเหล่านี้ ยกเว้นนายสุเทพที่ตอบแทน เรื่องการแต่งตั้งตำรวจ ช่วงที่นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ตนเคยไปเยี่ยม 5 ครั้ง
ช่วงหลังการเลือกตั้งปี2562 ที่ตนได้เป็นประธานกมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยมีอะไร ขอตนหมดเช่น นางมนพร เจริญศรี เป็นส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ขอให้ช่วยเอา นายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทยออกไปให้หน่อย เพราะเป็นคู่แข่งในเขตเลือกตั้ง ซึ่งตนช่วยโดยไม่ได้กลั่นแกล้ง เพราะนายศุภชัยครอบครอบที่ดินทั้งที่ไม่มีสิทธิ 1,000 ไร่ จนถูกตัดสิทธิทางการเมือง หรือกรณีที่ นายประเสริฐ จันทรวงทอง ที่ขอให้ช่วยจัดการ นายวิรัช รัตนเศรษฐ พรคพลังประชารัฐที่กว้างขวางในจ.นครราชสีมา ตนจัดการให้หมด ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.อีกหลายคน แต่เป็นการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยทำผิดให้เป็นถูก ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ส.ส.เพิ่มขึ้น ดังนั้นตนช่วยส.ส.ของพรรคเพื่อไทยมาตลอด และรัฐมนตรีอีกหลายคน เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ตนมีเสียงเดียว เอาไปเทียบกับพรรคหนึ่งเสียงได้อย่างไร เพราะรู้จักมา 51 ปี เมื่อเขาไม่รู้จักกันแบบนี้ จะให้ตนรู้จักเหรอ ถอนตัวดีกว่า
เมื่อถามว่า นายทักษิณรับปากจะให้ตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า “พูดกับผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ว่าเป็นหนี้บุญคุณผม ขอให้ไปคิดดู คนที่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจจะมีรุ่นพี่ที่ดูแล นายทักษิณตั้งเป็นผู้การ ผู้บัญชาการทั้งหมด แต่ไม่ตั้งผมเลย พูดตลอดเวลาเป็นหนี้ผมเป็นพันครั้งต้องชดใช้ แต่พูดแล้วก็เฉย แม้กระทั่งตอนผมไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็พูดว่าต้องตอบแทนแต่ก็เฉย ไม่เป็นไร เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของน.ส.แพทองธาร จะเอาส.ส.หรือไม่เอาส.ส.ก็ได้ เป็นอำนาจนายกฯ แต่ลืมผมทุกที ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร อาจคิดว่าพรรคเสียงเดียว ไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่นๆ ได้อย่างไร เพราะเข้ามาหวังประโยชน์ แต่ผมต้องการเข้ามาทำงาน หลังจากเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างผมกับนายทักษิณ นายทักษิณก็ไม่โทรมาหา พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ว่าอะไร”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวยืนยันว่า ตนเคยไปเยี่ยมนายทักษิณ 2 ครั้ง ที่ชั้น14 โรงพยาบาลตำรวจ คือช่วงเดือนพ.ย.66 และเดือนก.พ.67 และมีหลักฐานยืนยันเป็นข้อความสนทนาในแชทไลน์การพูดคุยระหว่างตัวแทนของนายทักษิณกับตน เพื่อนัดวันเวลาที่จะให้ตนเข้าไปพบนายทักษิณที่โรงพยาบาลตำรวจ ครั้งแรกนัดพบกันเดือนพ.ย.66 ครั้งที่สอง ตัวแทนของนายทักษิณได้ส่งแบบฟอร์มการขอให้ถอนคำฟ้องที่ตนฟ้องนายเศรษฐาต่อป.ป.ช. มาให้ตนลงนาม พร้อมกับนัดเวลาอีกครั้งในวันที่ 4 ก.พ.67 เวลา10.00 น. ยืนยันว่ามีหลักฐานการไปพบนายทักษิณจริงๆ ส่วนตัวแทนนายทักษิณที่เจรจาทางแชทเป็นใคร ยังไม่ขอเปิดเผย รวมถึงอาการของนายทักษิณระหว่างที่ไปเยี่ยมที่ชั้น14 มีอาการเป็นอย่างไรยังไม่ขอพูด ขอชี้แจงเป็นสเต็ปๆ ยังไม่อยากปล่อยข้อมูลทั้งหมดว่าคุยอะไรกันบ้าง ขณะนี้ตนหันหลังให้นายทักษิณ ถือว่าหมดเวลาแล้ว
“หลังจากนี้ให้รอดูป.ป.ช.จะเชิญผมไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่าจะต้องคิดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ” เมื่อถามว่า มองอนาคตของพรรคเพื่อไทยและน.ส.แพทองธารอย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า อยู่ได้ไม่ถึงปี สั้นกว่านายเศรษฐา จะตายด้วยเรื่องของนายทักษิณเอง รวมถึงเรื่องคดีของน.ส.แพทองธารด้วย แต่เราคงไม่ถึงขั้นไปยื่นร้องน.ส.แพทองธาร