คุมตัวมือค้อนโหดฆ่าลุงแท็กซี่ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

 เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 สิงหาคม 2567 พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี / พ.ต.ท.ภาวัต รัตนาภรณ์ รอง ผกก.สส.สภ.บางพลี / พ.ต.ต.บุญเสริฐ กิ่งเกษ สารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี  พร้อมเจ้าหน้าชุดสืบสวน สภ.บางพลี ได้คุมตัว นาย หม่อง (สงวนนามสกุล)อายุ 39 ปี ชาวเมียนมา ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่า นายมีชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ชาว จ.ขอนแก่น โชเฟอร์แท็กซี่ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้เข้ามาและออกไปจากจุดที่พบศพ ก่อนจะมายังบริเวณจุดที่พบศพ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุให้การอ้างว่ามีการทะเลาะกัน ก่อนที่ผู้ตายจะจอดรถบริเวณจุดที่พบศพ และใช้มีดมาจี้คนก่อเหตุเพื่อเรียกเงินจนเกิดการแย่งมีดกัน และเป็นจุดที่ผู้ก่อเหตุใช้ค้อนทุบผู้ตายจนล้มก่อนจะลงไปซ้ำจนสลบ ก่อนจะนำเชือกที่อยู่ในรถมามัดแขนของผู้ตาย แล้วทิ้งไว้ตรงนั้นก่อนจะขับรถออกไปหาเพื่อน ก่อนจะวนกลับมา ดูผู้ตาย และขับรถเข้าไปขอน้ำดื่มที่กระท่อมซึ่งห่างจากตรงนั้นประมาณ 100 เมตร แล้วขับกลับไปที่บางบัวทอง จ.นนทบุรี ก่อนจะมาถูกเจ้าหน้าที่ตามไปจับ ก่อนจะคุมตัวกลับโรงพัก และเตรียมส่งตัวฝากขังศาลในวันเสาร์นี้

 ผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตนเหมารถเขามาจากบางบัวทองเพื่อที่จะมาหาแม่ที่สมุทรปราการ ตนไม่รู้จักกับผู้ตาย ตนมาคนเดียว เขาทำตนก่อน ตนอยากขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาเสียชีวิต เขามาแย่งมีดตน มีดเป็นมีดของเขา ตนไม่มีมีดตนมีแต่อุปกรณ์ก่อสร้าง วันนั้นเขาเสพยากับตน ตนเสพไปสองถึงสามเม็ด ยืนยันไม่ได้หลอนยายังรู้สึกตัว ตนสร้างเรื่องขึ้นมาเพราะกลัวติดคุก วันนั้นตนจะไปหาแม่แต่กลัวจึงขับรถเขากลับไปบางบัวทอง ตนเคยทำงานที่นี่

ส่วนประเด็นที่ฆ่าเขา เพราะเขาให้ตนหาเงินให้ได้ 2,000 แต่ตนให้ยาไปแล้ว เขายังจะเอาเงินตนอีก ตนก็ไปหาเงินที่เพื่อนให้แล้วแต่ไม่มี เขาก็ไม่พอใจ ตอนที่ตนออกไปเขายังไม่ตาย ตอนนั้นมันมืดมากและฝนตก และไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน แค่ตั้งใจจะมาหาแม่ ตนอยากขอโทษตนไม่ได้ตั้งใจจะทำ แต่เขาเคลียร์กับตนไม่ลงตัว และเอามีดมาขู่ตน ยืนยันว่ามีดไม่ใช่ของตน ส่วนค้อนเป็นของตน

    พ.ต.อ.ไพโรจน์ เพ็ชรพลอย ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า จากการตรวจสอบหลักฐานทางเทคนิค แล้วต่อมาผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าก่อเหตุเพียงคนเดียว จากการตรวจสอบชายนุ่งโสร่งเป็นน้าของผู้ก่อเหตุ โดยหลังจากก่อเหตุเสร็จผู้ก่อเหตุไม่มีเงินในการเติมแก๊สหรือน้ำมัน จะเดินทางไปหาแม่ ที่คลองด่านก็ติดต่อไม่ได้ เลยตัดสินใจขับรถกลับไปที่บางบัวทอง พอไปถึงที่พักน้าของผู้ก่อเหตุจะให้พาไปซื้อของ เลยทำให้มีภาพของน้าอยู่ในกล้องวงจรปิด จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่น่าจะเกี่ยวข้อง แต่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

หลังจากที่เขาก่อเหตุเขาให้การว่าผู้ตายยังไม่เสียชีวิตยังมีอาการชัก ผู้ก่อเหตุเลยคิดว่าต้องมัดมือ เลยไปเอาเชือกที่อยู่ในรถซึ่งไม่ใช่ของเขา เพราะตอนเดินทางเขาเห็นเชือกอยู่ในรถ เลยเอาเชือกอันนี้มามัดมือ

จึงแจ้งข้อกล่าวหาในเรื่องชิงทรัพย์ ส่วนการทำร้ายร่างกายนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการชิงทรัพย์  เขาจะโดนข้อหาชิงทรัพย์ในเวลา กลางคืน โดยมีอาวุธ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยการสอบสวนหลายรอบค่อนข้างจะแน่ชัดว่าเคยทำงานอยู่บริเวณนี้ โดยรับจ้างทุบคอนกรีตหรือถนนต่างๆ ดังนั้นเขาจึงมีค้อนปอนด์ติดตัว ซึ่งตอนนั้นที่เขาทำงานอยู่ที่นี่แม่เขาก็ทำงานอยู่ที่เดียวกัน และเขาได้แยกย้ายไปอยู่ที่บางบัวทอง และแม่เขาไปอยู่ที่คลองด่าน ซึ่งเขาได้มีการเก็บข้าวของเพื่อที่จะไปหาแม่

เดิมที่เขาไม่น่าจะมีเจตนาที่จะชิงทรัพย์แต่ระหว่างทางน่าจะมีปัญหากัน พยานหลักฐานชี้ไปว่าเขาลงมือคนเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะไม่ทิ้งประเด็นอะไรเลย จะต้องพิสูจน์ทราบให้ได้ว่า มีคนอื่นเกี่ยวข้องหรือไม่ โดยใช้หลักฐานทางเทคนิค เขาแจ้งว่าเขาเคยเข้ามาทำงานที่นี่ 10 กว่าปี และเขาอ้างว่าเคยมีบัตรและอ้างว่าบัตรหาย ปัจจุบันก็ไม่พบบัตรต่างด้าวของเขา พบเฉพาะบัตรประชาชนของพม่า เลยยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาหลบหนีเข้าเมืองหรือไม่ หรือเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ต้องรอพิสูจน์ทราบอีกครั้ง น่าจะฝากขังวันเสาร์นี้ ยังเลือกพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบเพิ่มเติมเพื่อเป็นหลักฐานกับพยานที่ดูแล้วว่ามีความน่าสงสัยอยู่เพื่อที่จะดูว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องอย่างไร