ช็อกชาวโลกกันไปมิใช่น้อย กับภาพที่ปรากฏ สำหรับความรุนแรงที่บังเกิดขึ้นในแคว้นบาโลจิสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน เมื่อช่วงสัปดาห์นี้

โดยเป็นภาพความเสียหายของรถโดยสารและรถบรรทุก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถลำเลียงถ่านหิน ที่ถูกกลุ่มก่อการร้ายโจมตี ด้วยวิธีการสุดเหี้ยมโหด บนทางหลวงสายหนึ่งของแคว้นบาโลจิสถาน

ตามรายงานข่าว ระบุว่า สมาชิกกลุ่มก่อการร้าย พร้อมอาวุธสงครามครบมือ เข้าสกัดบรรดารถเหล่านั้นให้หยุด ก่อนลากตัวผู้โดยสาร และผู้ขับขี่รถบรรทุก ให้ลงมานอกรถ แล้วขอดูบัตรประชาชน เพื่อดูหลักฐานว่าเป็นพลเมืองจากที่ไหน จากนั้นหากเหยื่อเป็นพลเมืองของแว่นแคว้นประเทศที่เป็นเป้าหมาย ก็จะถูกอาวุธปืนยิงสังหาร แล้วจุดไฟเผาทั้งรถโดยสารและรถบรรทุกเหล่านั้นจนไหม้เป็นจุณ

ทั้งนี้ ตามรายงานข่าว ยังเผยด้วยว่า กลุ่มคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ เมื่อเห็นหลักฐานในบัตรประชาชนว่า บุคคลที่เป็นเหยื่อนั้นเป็นชาวแคว้นปัญจาบของปากีสถาน ก็จะใช้อาวุธปืนยิงสังหารเหยื่อทันที ซึ่งคาดการณ์กันว่า กลุ่มคนร้ายลงมือสังหารกับผู้คนต่างแคว้น ที่ไม่ใช่เป็นชาวแคว้นบาโลจิสถาน เพราะไม่พอใจที่ชาวต่างแคว้นเหล่านั้น มาแย่งงาน แย่งอาชีพของพวเขาทำ เช่นเดียวกับรถบรรทุกลำเลียงถ่านหิน เมื่อพบหลักฐานแสดงว่า เดินทางมาจากแคว้นอื่นๆ ก็จะถูกโจมตีและจุดไฟเผารถจนได้รับความเสียหาย ด้วยความเห็นที่ว่า เข้ามาสูบตักตวงทรัพยากรต่างๆ จากแคว้นบาโลจิสถานไป

พร้อมกันนี้ ยังมีการสังเกตด้วยว่า ยิ่งคนงานและรถบรรทุกเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจของกลุ่มทุนชาวจีน ที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจในปากีสถาน ก็ตกเป็นเป้าหมายในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า ในขณะเดียวกันนั้น กลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ดังกล่าว ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายมั่นคงอื่นๆ ของทางการปากีสถาน

ส่งผลให้เหตุความรุนแรงที่บังเกิดขึ้นข้างต้น มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วอย่างน้อย 74 ราย ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายมั่นคงอื่นๆ จำนวน 14 นายด้วยกันที่ต้องพลีชีพจากคมกระสุนของกลุ่มก่อการร้าย

ทางด้านนายเชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน เปิดเผยถึงกลุ่มก่อการร้าย ที่ออกมาป่วนในช่วงสัปดาห์นี้ว่า เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายที่มีชื่อว่า “กองทัพปลดปล่อยบาโลจิสถาน” หรือ “บีแอลเอ” (BLA : Balochistan Liberation Army) ซึ่งมีแนวคิดอุดมการณ์ที่จะแบ่งแยกดินแดนบาโลจิสถาน จากการปกครองของรัฐบาลกลางปากีสถาน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีชารีฟ แห่งปากีสถาน ยังระบุด้วยว่า กลุ่มก่อการร้าย “บีแอลเอ” ลงมือก่อเหตุเมื่อช่วงสัปดาห์นี้ ก็เป็นหนึ่งในเหตุร้ายที่เกิดขึ้นมาหลายครั้ง ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาในแคว้นบาโลจิสถาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสกัด หรือหยุดยั้ง ความร่วมมือต่างๆ ระหว่างปากีสถานกับจีน อาทิเช่น การร่วมมือระหว่างปากีสถานกับจีน ในอภิมหาโครงการ หรือเมกะโปรเจ็กต์ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” หรือ “บีอาร์ไอ” ที่ริเริ่มโดยทางการจีน ซึ่งทงกลุ่มก่อการร้ายบีแอลเอ ได้ดำเนินการขัดขวางมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงทางกลุ่มการร้ายบีแอลเอ ก็ยังมีความพยายามในการสร้างความร้าวฉานระหว่างปากีสถานกับจีนให้บังเกิดขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า จีนแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับประณามต่อกลุ่มก่อการร้ายข้างต้น ก่อนแสดงท่าทีสนับสนุนส่งเสริมในความร่วมมือกับทางการปากีสถาน ในการปราบปรามต่อกลุ่มก่อการร้ายผู้ก่อเหตุ

ว่ากันถึงที่มาที่ไปของกลุ่มก่อการร้ายบีแอลเอนั้น เกิดจากกลุ่มนักศึกษาในแคว้นบาโลจิสถาน ที่มีแนวคิดท้องถิ่นนิยม และลามเลยไปถึงขั้นแบ่งแยกดินแดนให้แคว้นบาโลจิสถานแห่งนี้ แยกตัวจากการปกครองของรัฐบาลอิสลามาบัด ซึ่งเป็นรัฐบาลกลางของปากีสถาน นอกจากนี้ พวกเขายังมีแนวคิดต่อต้านแคว้นปัญจาบและพลเมืองชาวแคว้นปัญจาบ ตลอดจนชาวปัสตุน และชาวสินธ์ รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาตักตวง กอบโกย ผลประโยชน์ไปจากแคว้นบาโลจิสถาน เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ รวมไปจนถึงการเข้ามาแย่งงาน แย่งอาชีพ ไปจากชาวแคว้นบาโลจิสถาน ส่งผลให้ชาวแว่นแคว้นต้องยากจนลง และล่าสุดทางกลุ่มบีแอลเอ ก็ได้เพิ่มจีน ไม่ว่าจะเป็นแผนการต่างๆ ที่ปากีสถานร่วมมือกับจีน กลุ่มทุนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในแคว้นบาโลจิสถาน สูบทรัพยากรต่างๆ จากไปจากแคว้นบาโลจิสถาน เป็นหนึ่งในอุดมการณ์ที่จะต้องต่อต้านของทางกลุ่มไปแล้วด้วย

โดยกลุ่มนักศึกษาที่ว่า ได้รับการสนับสนุนในการเคลื่อนไหว ตลอดจนการฝึกฝนการต่อสู้ และการใช้อาวุธต่างๆ โดยสองอดีตสมาชิกของหน่วยสืบราชการลับ “เคจีบี” ของสหภาพโซเวียตรัสเซีย เมื่อครั้งอดีต ที่ใช้ชื่อรหัสนามแฝงว่า “มิสชา” และ “ซาชา” ในระหว่างปี 1973 – 1977 (พ.ศ. 2516 – 2521)

หลังจากนั้นทางกลุ่ม ก็ได้พัฒนามาจนถึงก่อตั้งกลุ่มอย่างเป็นทางการว่า “กองทัพปลอดปล่อย หรือกองทัพปลดแอก บาโลจิสถาน” หรือ “บีแอลเอ” ขึ้นเมื่อปี 2000 (พ.ศ. 2543) ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีฐานบัญชาการของกลุ่มอยู่ในแคว้นบาโลจิสถาน ก่อนถูกทางการปากีสถานปราบปราม จนต้องย้ายฐานบัญชาการไปอยู่ในเมืองกันดาฮาร์ ประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งดำเนินการมาถึงทุกวันนี้

สมาชิกจำนวนหนึ่งของกลุ่มก่อการร้ายบีแอลเอที่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงปากีสถานจับกุมตัวได้เมื่อช่วงก่อนหน้านี้ (Photo : AFP)

เมื่อตั้งหลักปักฐานได้แล้ว ทางกลุ่ม “บีแอลเอ” ก็สำแดงเดชโจมตี ก่อเหตุความรุนแรงต่อทางการปากีสถาน และชาวต่างแคว้นกันอยู่เป็นระยะๆ นับตั้งแต่ปี 2004 (พ.ศ. 2547) เป็นต้นมา และการก่อเหตุหลายครั้งๆ ด้วยกัน ก็ทำให้มีชาวต่างชาติตกเป็นเหยื่อความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตไปก็มิใช่น้อย

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงหลังๆ มานี้ หลังจากที่จีนเข้าร่วมมือ และร่วมลงทุนในปากีสถาน ก็กลายเป็นว่า ตกเป็นเป้าการโจมตีจากกลุ่มบีแอลเอไปอีกหนึ่งชาติด้วย เช่น การโจมตีในบริเวณท่าเรือกวาดาร์ ที่จีนเข้ามาร่วมลงทุนก่อสร้างและพัฒนาท่าเรือดังกล่าว จนวิศวกรชาวจีนต้องสังเวยชีวิต เมื่อปี 2023 (พ.ศ. 2566) และก่อนหน้าในเหตุโจมตีในนครการาจีของปากีสถาน เมื่อปลายปี 2018 (พ.ศ. 2561) ปรากฏว่า สถานกงสุลจีนในปากีสถาน ก็เสียเจ้าหน้าที่ชาวจีนไปถึง 4 คนด้วยกัน

เหตุโจมตีท่าเรือกวาดาร์โดยกลุ่มก่อการ้ายบีแอลเอ จนทางการปากีสถาน ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาดูแลสถานการณ์ (Photo : AFP)

สำหรับ ปัจจุบันกองทัพปลดปล่อยบาโลจิสถาน หรือบีแอลเอ อยู่ภายใต้การนำของ “นายบาชีร์ เซ็บ” และถูกตีตราว่า เป็นกลุ่มก่อการร้าย โดยทางการปากีสถาน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป หรืออียู พร้อมกับมีการพาดพิงว่า อินเดีย ให้ทุนสนับสนุนต่อกลุ่มบีแอลเอนี้ให้มาทำสงครามตัวแทนกับปากีสถานอีกต่างหากด้วย