วันที่ 29 ส.ค.67 ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, พ.ต.อ.เชิดชัย โชติสุทธิ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช,พ.ต.อ.รังสรรค์ สุขเกื้อ รองบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปจร.จว.นศ. นำโดย พ.ต.ท.นพเสถียร สิงห์สุขพนธ์ รอง ผกก.สส.ภ.จว.นศ.(หัวหน้าชุด ศปจร.ภ.จว.นศ.) พ.ต.ท.ศุภกร พรหมทอง,ร.ต.อ.ขยัน ทองมี,ด.ต.พิศิษฐ์ ครรชิต,ด.ต.สินชัย สิทธิประการ และ ด.ต.ศุภชัย รสชื่น ร่วมกันร้องทุกข์กล่าวโทษนายไพศาล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี อยู่พื้นที่ หมู่ 4 ต.ลานสกา อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ MITSBISHI รุ่น ATTRAGE สีขาว จำนวน 1 คัน, แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์(ป้ายปลอม) ระบุพยัญชนะ 8กฐ9474 กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แผ่น, กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ดอก
พล.ต.ต.สมชาย กล่าวถึงพฤติการณ์ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์, รถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ออกปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามจับกุม รถที่สวมป้ายทะเบียนปลอมภาษีปลอมและการใช้เอกสารราชการปลอมที่จะนำรถไปใช้กระทำผิดไม่ว่าเรื่องยาเสพติดหรือนำไปก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรม
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.66 เวลาประมาณ 17.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบเมื่อไปถึงบริเวณริมถนน นครศรี-ปากพนัง พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ MITSBISHI รุ่น ATTRAGE สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน หน้า-หลัง ระบุพยัญชนะ 8กฐ9474 กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบในระบบข้อมูลยานพาหนะกรมการขนส่งทางบก ผลการตรวจสอบ ไม่พบข้อมูลยานพาหนะ และได้ตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวไม่มีลายตราประจำกรมการขนส่งทางบกซึ่งเป็นป้ายทะเบียนที่ไม่ได้ออกโดยกรมการขนส่งทางบก
ต่อมาได้มีนายไพศาล รับว่า เป็นผู้ครอบครองรถยนต์เก๋งคันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจสอบเอกสารคู่มือจดทะเบียนรถแต่ นายไพศาล ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์เก๋งพร้อมแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าว และได้ส่งแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข 8กฐ9474 กรุงเทพมหานคร ตรวจยืนยันที่กรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง
ผลการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าว มิใช่แผ่นป้ายทะเบียนรถที่กรมการขนส่งทางบกผลิตขึ้นเพื่อใช้ในราชการ เนื่องจากไม่มีลายน้ำตราเครื่องหมายราชการกรมการขนส่งทางบก (รูปพระมาตุลีเทพบุตรขับรถเทียมม้า) ปรากฏในแผ่นป้ายทะเบียนรถอันเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่สำคัญกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายไพศาล ในข้อหา ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม จากนั้นนำรถยนต์เก๋งและแผ่นป้ายทะเบียน ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีฯเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อีกรายเจ้าหน้าที่ทำการจับกุม นายชาญวิทย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ37 ปี อยู่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมของกลางรถยนต์ยี่ห้อTOYOTA รุ่น VI-GO สีแดง จำนวน 1 คัน, แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์(ป้ายปลอม) ระบุพยัญชนะ ฒฮ 4662 กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แผ่น และ กุญแจรถยนต์จำนวน 1 ดอก
พฤติการณ์ กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์, รถจักรยานยนต์ ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ออกปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามจับกุม รถที่สวมป้ายทะเบียนปลอมภาษีปลอมและการใช้เอกสารราชการปลอมในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามแผนระดมกวาดล้างอาชญากรรม ต่อมาเมื่อวันที่ 9 ส.ค.66 เวลาประมาณ 21.30น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบเมื่อไปถึงบริเวณริมถนน พัตนาการคูขวาง พบ รถยนต์ยี่ห้อTOYOTA รุ่นVI-GO สีแดง ติดแผ่นป้ายทะเบียน หน้า-หลัง ระบุพยัญชนะ ฒฮ 4662 กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบในระบบข้อมูลยานพาหนะกรมการขนส่งทางบก ผลการตรวจสอบ ไม่พบข้อมูลยานพาหนะ และได้ตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวไม่มีลายตราประจำกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นป้ายทะเบียนที่ไม่ได้ออกโดยกรมการขนส่งทางบก
ต่อมาได้มีนายชาญวิทย์ รับว่า เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจสอบเอกสารคู่มือจดทะเบียนรถแต่ นายชาญวิทย์ ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานมาแสดงได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์พร้อมแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าว และได้ส่งแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข ฒฮ 4662 กรุงเทพมหานคร ตรวจยืนยันที่กรมการขนส่งทางบกอีกครั้ง ผลการตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าว มิใช่แผ่นป้ายทะเบียนรถที่กรมการขนส่งทางบกผลิตขึ้นเพื่อใช้ในราชการ เนื่องจากไม่มีลายน้ำตราเครื่องหมายราชการกรมการขนส่งทางบก (รูปพระมาตุลีเทพบุตรขับรถเทียมม้า) ปรากฏในแผ่นป้ายทะเบียนรถอันเป็นคุณลักษณะเฉพาะที่สำคัญกำหนดไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ นายชาญวิทย์ ในข้อหา ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม จากนั้นนำรถยนต์และแผ่นป้ายทะเบียน ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีฯเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป