ศาลให้ประกันคดี 8 จำเลยเปลี่ยนเเปลงความเร็ว’ บอส’ห้ามออกนอกประเทศ นัดสอบคำให้การ 10 ก.ย. "ชัยณรงค์" อดีตอัยการอาวุโส 1 ในผู้ต้องหาคดีซัดสังคมจอมปลอม เข้าช่วยเหลือคดีบอสเพื่อนหลานสาวในฐานะเพื่อนมนุษย์ ผิดตรงไหนจวก อสส.ใช้หลักฐานถอดเทปตัดต่อมาฟ้อง ไม่ถูกต้องจ่อฟ้องกลับ กราวรูด
ภายหลังยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว นายสุเวช จอมพงค์ อัยการคดีปราบปรามการทุจริตฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลประทับฟ้องไว้แล้ว และศาลได้ดำเนินการทำประวัติจำเลยทั้งหมด โดยวันนี้ยังไม่มีการสอบปากคำจำเลย ซึ่งศาลนัดสอบปากคำจำเลยอีกครั้งวันที่ 10 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น.หลังจากนั้นก็จะทราบว่าศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานวันไหน ซึ่งอัยการได้เตรียมบัญชีพยานไว้เยอะพอสมควร แต่ศาลจะให้ไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์และจำเลยกี่ปาก ใช้ระยะเวลานานเพียงใด ก่อนนัดพิพากษา ก็เป็นดุลยพินิจของศาล
นายสุเวช กล่าวต่อว่า ส่วนการประกันตัวนั้น ในวันนี้จำเลยทั้ง 8 คน ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่เป็นหลักทรัพย์จำนวนเท่าใดนั้น ตนไม่ทราบและจะได้ประกันตัวหรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า อัยการมั่นใจในพยานหลักฐานที่ยื่นฟ้องมากเพียงใด
นายสุเวช กล่าวว่า ก็ยืนยันได้ตามพยานหลักฐานที่ป.ป.ช.ส่งมาให้ และอัยการสูงสุดตรวจแล้วว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์เพียงพอแล้ว ส่วนศาลท่านจะมองอย่างไรก็เป็นดุลยพินิจที่จะต้องมาพิจารณากัน ซึ่งในการตรวจพยานหลักฐาน หากมีพยานหลักฐานติดขัด หรือมีอะไรขาดตกบกพร่อง ศาลก็จะประสานมายังอัยการได้ ตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้
เมื่อถามว่า หากคดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้อง จะดำเนินการอย่างไร
นายสุเวช กล่าวว่า เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณาว่า ที่ศาลยกฟ้องชอบด้วยเหตุผลหรือไม่และมีประเด็นใดที่ขาดตกบกพร่อง จะต้องให้ศาลวินิจฉัยอีก โดยเป็นดุลยพินิจของอัยการสูงสุดว่าจะต้องอุทธรณ์คดีหรือไม่
นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม อดีตอัยการอาวุโส 1 ในจำเลยเปิดเผยภายหลังเดินทางมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ว่า วันนี้รู้สึกดีใจและเสียใจ ซึ่งเรื่องนี้เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิชา มหาคุณ ตรวจสอบมหากาพย์คดี “บอส อยู่วิทยา” ซึ่งวันนี้ 29 สิงหาคม 2567 รวมระยะเวลา 49 เดือน หรือ 4 ปี 1 เดือน พอดี ยอมรับตนรู้สึกอึดอัดใจและเสียใจมาก เพราะตนไม่ใช่ผู้กระทําความผิด แต่ถูกคณะกรรมการชุดต่างๆ ทั้ง ป.ป.ช. อัยการสูงสุด ที่ไม่ให้ความเป็นธรรมและกีดกั้นเพื่อพิสูจน์ความจริง จนมาวันนี้รู้สึกดีใจเพราะศาลยุติธรรมจะเป็นที่เพิ่งสุดท้าย โดยตนจะนําพยานหลักฐานทั้งหมดที่ได้จากการฟ้องอดีตประธานก.อ.ในคดีหมิ่นประมาทฯ ซึ่งตอนนี้ตนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนพบว่ามีการตัดต่อเทปจาก 1 ใน 8 ผู้ต้องหา ทําให้ ป.ป.ช. อัยการ และอัยการสูงสุด นําหลักฐานดังกล่าวมาเอาผิดตนเอง ซึ่งตนได้มีการแจ้งความเอาผิดใน 7 คดี มีผู้ต้องหาหลายหน่วยงานเป็นทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งอดีตและปัจจุบันรวมทั้งยื่นฟ้องนายตํารวจที่ตัดต่อเทปไว้ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้แล้วอยู่ระหว่างไต่สวนมูลฟ้อง
อย่างไรก็ตาม นายชัยณรงค์ ยอมรับว่า ตนได้เข้าไปช่วยให้คําปรึกษาคดี “บอส อยู่วิทยา” เนื่องจากเป็นเพื่อนของหลานสาว โดนยืนยันว่าตนไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น แม้แต่สลึงเดียว ได้เพียงนํ้าใจเท่านั้น “ขาหนึ่งเป็นอัยการ อีกขาเป็นเพื่อนมนุษย์ เมื่อเพื่อนเดือดร้อนตนจะเข้าไปช่วยไม่ได้เลยหรืออย่างไร ก่อนจะช่วยตนได้ศึกษาข้อกฎหมายมาอย่างดี อีกทั้งตนเป็นอัยการมานานกว่า 30 ปี การเข้ามาช่วยให้คําปรึกษาสามารถทําได้ เพราะตนไม่มีอํานาจในการพิจารณาคดีของบอส”
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในจริยธรรมของข้าราชการ ในกระบวนการยุติธรรมนั้น
นายชัยณรงค์ กล่าวด้วยนํ้าเสียงจริงจังว่า ”สังคมจอมปลอม“ พร้อมยกตัวอย่างเรื่องของตัวเองว่าเหตุใดจึงไม่มีใครให้ความเป็นธรรม ในเรื่องที่ถูกปลอมแปลงเทป ซึ่งตนเตรียมที่จะเปิดเทปตัวเต็มในวันที่ 23 กันยายนนี้ หลังศาลไต่สวนมูลฟ้องคดีนายตํารวจตัดต่อเทป ครั้งที่ 4 เสร็จ ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวสั้นๆ ก่อนเดินทางกลับว่าหลังจากนี้เป็นหน้าที่ของทนายความ คดีอยู่ในอำนาจศาลเเล้วก็ต้องให้เกียรติศาลก็เชื่อว่าจะได้รับความยุติธรรม
โดยภายหลังศาลพิจารณาคําฟ้องของพนักงานอัยการที่ได้ยื่นพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ จํานวน 9 ลัง 30 แฟ้ม มีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีดังกล่าวและนัดสอบคําให้การในวันที่ 10 กันยายน 2567 เวลา 09.30 น. ที่ ขณะที่ผู้ต้องหา 8 คน ได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล โดยใช้หลักทรัพย์ 200,000 บาท ซึ่งศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นได้รับอนุญาตจากศาล