วันที่ 29 ส.ค.2567 นายราเมศ  รัตนะเชวง อดีตเลขานุการประธานรัฐสภานายชวน หลีกภัย  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวพาดพิง นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ว่า คำพูดของนายก่อแก้วที่พาดพิง นายชวน , นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่บอกว่าเป็นไม้แก่ดัดยาก ดัดอย่างไรก็ไม่ได้ ถ้าทำอะไรที่ขัดกับผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบันอาจถูกขับออกจากพรรคได้ นายก่อแก้วคงใช้สมองที่กลับด้าน เพราะนายชวน เป็นนักการเมืองมาตลอดชีวิตคิดทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมาโดยตลอด เป็นเสาหลักให้กับบ้านเมืองตลอดมา ไม่มีความด่างพร้อยไม่ทุจริตคิดโกงบ้านเมือง ทำงานยึดหลักความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ต้องไปยกอะไรมาเปรียบเทียบเพราะนายชวนปฏิบัติตนในทางการเมืองให้เห็นเป็นประจักษ์ ไม้ที่ซื่อตรงจะไปดัดทำไม ไม้ที่คด ที่โกงต่างหากที่ต้องดัด

“นายก่อแก้วควรไปบอกเจ้านายของตัวเองมากกว่าที่มีพฤติกรรมทำตัวเหมือนเดิม ส่วนที่บอกว่าถ้านายชวนทำอะไรที่ขัดต่อผู้บริหารพรรคจะถูกขับออกได้นั้น ถ้าคิดว่าสั่งผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้ก็ให้รีบทำ" นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวว่า ตนรอดูมติในช่วงเย็นวันนี้ก่อน แต่มีเหตุผลที่กรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำต้องหยิบยกขึ้นมาพิจารณาคือการเมืองของระบบทักษิณ ที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น สร้างความเสียหายให้กับบ้านเมืองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่ง นายชวนผ่านการต่อสู้และเห็นความจริงมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และปัจจุบันที่ยังมีคดีที่นายทักษิณ ฟ้องนายชวน ศาลชั้นต้น นายชวนชนะคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอุทธรณ์ แต่รายละเอียดที่ปรากฏในคำพิพากษามีชัดทั้งการกระทำที่นอกกฎหมาย การทุจริต การเลือกปฏิบัติกับประชาชน การใช้นโยบายที่ก่อให้เกิดความรุนแรงต่อประชาชน เป็นส่วนหนึ่งที่ปรากฏชัดด้วยหลักฐาน

สิ่งต่างๆเหล่านี้ยากที่จะถูกลบเลือนไปด้วยกาลเวลา เพราะไม่ใช่ความขัดแย้งกันในเรื่องส่วนตัว แต่ขัดแย้งกับความไม่ถูกต้อง ขัดแย้งในแนวทางการทำการเมืองที่ยึดประโยชน์ของตนและครอบครัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยจึงเหมือนน้ำกับน้ำมัน สุดท้ายมติจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องรอดู