วันที่ 29 ส.ค.2567 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรองหัวหน้าพรรค ให้สัมภาษณ์ว่า  ขอบิณฑบาตทั้งคนรุ่นเก่าคนรุ่นใหม่หยุดวิวาทะเพราะจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ มีอะไรก็ไปพูดคุยหารือกันในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหรือที่ประชุมส.ส. พรรคประชาธิปัตย์มีประชาธิปไตยภายในพรรคที่ยอมรับความเห็นต่างและตัดสินด้วยเสียงส่วนใหญ่จะแพ้หรือชนะก็ถือเป็นที่สุด พรรคเคยพิจารณาว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านมาหลายครั้งตลอด78ปีนับแต่ก่อตั้งพรรคเมื่อตัดสินใจแล้วก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ได้ช่วยกันสร้างผลงานให้กับพรรคมาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่คนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง ตนเชื่อว่าทุกคนรักพรรคและไม่มีใครรักพรรคมากไปกว่าใคร ควรพูดจากันด้วยเหตุผลอย่างมีสติ คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง เราไม่ควรไปตำหนิดูแคลนหรือกล่าวหาว่าเข้ามาเพื่อแสวงประโยชน์ซึ่งไม่เป็นธรรมกับหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารและส.ส.ของเราเพราะเพิ่งเข้ามารับผิดชอบพรรคในช่วงที่พรรคตกต่ำยังไม่ถึงปีจะให้มีผลงานเทียบเท่าชุดก่อนคงไม่ได้ เพราะเขาก็ตั้งใจทำงานทั้งในและนอกสภามุ่งมั่นจะกอบกู้พรรคเช่นกัน หรือหากมีใครทุจริตประพฤติมิชอบพรรคก็ต้องจัดการไม่เอาไว้

นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ส่วนการร่วมรัฐบาลจะผิดถูกอย่างไร หัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคต้องรับผิดชอบอยู่แล้วตามระบบพรรคของเรา สำหรับการสร้างประเด็นข่าวเรื่องการขับนายชวนก็เป็นเรื่องไร้สาระเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยขับคนที่เห็นต่างออกจากพรรคไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรค ส.ส.หรือผู้บริหารพรรค เราควรให้เกียรติกันและกันช่วยกันฟื้นฟูพรรคไม่ใช่คอยแต่ด้อยค่ากันเอง เพราะมีแต่ทำให้พรรคเสียหายคนเสียกำลังใจ วันนี้การเมืองเปลี่ยนไปมาก โลกเปลี่ยนไปเร็ว เราต้องปรับตัวให้ทันกับยุคสมัยในทางที่ดีมีศักดิ์ศรีเกียรติภูมิและยึดมั่นในปฐมอุดมการณ์ของพรรค ทุกคนต้องช่วยกันคิดวิสัยทัศน์และนโยบายที่ก้าวหน้าทันสมัยทำงานหนักเพื่อประชาชนและประเทศชาติช่วยกันนำพรรคกลับมาเป็นทางเลือกหลักของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง