วันที่ 28 ส.ค.67 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. พล.ต.ท. ธัชชัย ปิตะนีละบุตรผู้ช่วย ผบ.ตร.พล.ต.ท. สุรพล เปรมบุตร ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.สั่งการให้ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. เดินทางไปยังกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อช่วยเหลือนายนันทวัฒน์ อายุ 17 ปี หลังถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลงทุนที่ประเทศกัมพูชา
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค. แม่ผู้เสียหายวัย 56 ปี เดินทางเข้าแจ้งความว่านายนันทวัฒน์ อายุ 17 ปี ได้หายตัวไปหลังจากที่นายนิติพล ซึ่งเป็นน้องชายตนเองได้ขับรถไปส่งหลาน เพื่อไปซ้อมละครที่โรงเรียน แต่มาทราบภายหลังว่าไม่ได้ไปซ้อมละครตามที่กล่าวอ้าง ประกอบกับมีเพื่อนที่โรงเรียนพบเห็นลูกชาย อยู่ที่ศาลาหนองตะไก้ ตำบลหนองกง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเพื่อนได้ตะโกนเรียกลูกชายตนเองแล้วแต่กลับมีท่าที่หลบหน้าแกล้งไม่ได้ยินและไม่สนใจ ซึ่งทางแม่ได้พยายามโทรติดต่อแต่ไม่สามารถติดต่อได้ และ พบว่าเฟซบุ๊กมีการออนไลน์เป็นช่วงๆ โดยก่อนเกิดเหตุลูกชายตนเอง เคยโพสต์เฟซบุ๊กหางานทํา
และเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ลูกชายตนเองได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อมาขอความช่วยเหลือ ว่าตนเองอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ถูกยึดบัตรประชาชน ชิมโทรศัพท์มือถือ เงิน มีเพียงโทรศัพท์มือถือที่สามารถส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือผ่านทางแอพพลิเคชั่น Message ว่าตนเองส่งที่อยู่และพิกัดในกัมพูชา ลูกชายของตนเองขอความช่วยเหลือมีความต้องการจะกับบ้าน และจะกับมาเรียนต่อ และไม่ต้องการทำงานผิดกฎหมาย ที่ประเทศกัมพูชา ตนเองกลัวว่าลูกชายจะได้รับอันตรายและถูกทำร้ายร่างกาย จึงเข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตํารวจช่วยเหลือลูกชายกับกลับประเทศไทย ลูกชายอยากกับบ้านมาก จึงขอให้ช่วยประสานงานเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือลูกชาย
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานเจ้าหน้าที่กัมพูชา พร้อมเข้าตรวจสอบอาคารหลังดังกล่าวที่ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือของนางเพ็ชร พบตัวนายนันทวัฒน์ ถูกขังอยู่ภายในห้องอาคารหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้ทำการช่วยเหลือและยังโทรศัพท์วีดีโอคอลไปยังนางเพ็ชร เพื่อยื่นยันว่าใช้ลูกชายของตนเองเปล่าเพื่อที่จะได้มีการช่วยเหลือนำกับประเทศไทยต่อไป