รองผบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ บก.น.3  ร่วมประชุมสืบสวนกรณีเหล้าเถื่อนที่เป็นกระเเสข่าว  จนมีผู้ได้รับสารพิษอาการสาหัสมากกว่า 30 ราย และเสียชีวิต 6 ราย 


วันนี้ (28 ส.ค. 67) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมควร พึ่งทรัพย์  รองผู้บัญชาการตํารวจนครบาล  พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผู้บังคับการตํารวจนครบาล 3 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมคณะทํางานฝ่ายสืบสวนสอบสวน เพื่อดําเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีสุราเถื่อนผสมเมทานอลพื้นที่เขตมีนบุรีและคลองสามวา จนมีผู้ได้รับสารพิษอาการสาหัสมากกว่า 30 ราย และเสียชีวิต 6 ราย 


พล.ต.ต.เกียรติกุล ผบก.น.3 เปิดเผยความคืบหน้าภายหลังการประชุมว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาน.ส.ภัสส์รศา อายุ 49 ปี หรือ “เจ๊ปู” ผู้ผสมยาดอง  ได้เดินทางเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้มีการออกหมายเรียก ในความผิดฐาน “ผลิตสุราโดยไม่รับอนุญาต, จำหน่ายสุราโดยไม่รับอนุญาต, กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และกระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส” ในส่วนของแนวทางหารสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ตอนนี้มีความคืบหน้าพอสมควร โดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รวมถึงพยานบุคคลและวัตถุมากพอที่จะสามารถพิสูจน์ทราบเพื่อเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด


สําหรับ ”เจ๊ปู“ อยู่ในกลุ่มที่เป็นผู้ผลิตและมีการส่งต่อไปยังซุ้มยาดองต่างๆ จนเกิดเหตุมีผู้ได้รับสารพิษอาการสาหัสและเสียชีวิต จึงขอฝากไปยังประชาชนว่าควรจะเลือกบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะสุราเถื่อนหรือยาดองต่างๆ ไม่สามารถรู้ได้ว่าคนทําเขาใส่อะไรลงไปบ้าง เพื่อที่อนาคตจะได้ไม่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้องกับการผลิตยาดองนอกเหนือจาก “เจ๊ปู” และ 2 พี่น้องที่ถูกจับกุมไปแล้วหรือไม่ ทาง พล.ต.ต.เกียรติกุล ระบุว่า อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล  ส่วนจะอ้างว่ารู้หรือไม่รู้มีเจตนาหรือกระทําการโดยประมาทหรือไม่นั้น หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครดําเนินคดีทั้งหมด


ทั้งนี้ในส่วนของร้านยาดองทั้ง 18 ซุ้ม เบื้องต้นกันไว้เป็นพยานก่อน เพื่อดูว่าแต่ละคนมีพฤติกรรมหรือรู้เห็นในการกระทําความผิดหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามการจําหน่ายยาดองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ภาษีกรมสรรพสามิตอยู่แล้ว