“สยามรัฐ” ยืนหยัดอยู่บนบรรณพิภพ และสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ด้วยปณิธาน “นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเหปคฺคหารหํ” แปลว่า “พึงชมคนที่ควรชม พึงข่มคนที่ควรข่ม” …*…

ครอบครอง ไม่ครอบงำ แก้แค้น ไม่แก้ไข อาจสะท้อนลีลาของ “ลุงโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่คัมแบ็กกลับมาเมืองไทย …*…

 พรรคพลังประชารัฐ ถูกแบ่งแยกออกเป็นสอง  กลศึก “ม้าไม้เมืองทรอย” เดินเกมโค่นล้ม “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เอาคืนเกมเปลี่ยนตัวนายกฯ  เช่นเดียวกับปรากฏการณ์แตกแยกในพรรคประชาธิปัตย์ คู่แค้นเก่า ล้วนเกิดจากน้ำมือของ “ข้าเก่าเต่าเลี้ยง” ของ “ลุงโทนี่” ทั้งสองพรรค…*…

 ส่วนวิบากที่เกิดขึ้นกับพรรคไทยสร้างไทย ที่ย่อยยับ ว่าเป็นบาป จะโทษ “ลุงโทนี่” ก็ไม่เต็มปาก เพราะใน 6 เสียงที่ยกมือโหวต “อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ มีแต่ 1 เสียงที่เป็นของเพื่อไทย ส่วนอีก 2 เสียงเป็นของภูมิใจไทย และอีก 3 เสียงเขาดูแลตัวเองมานานแล้ว …*…

ส่วนรัฐบาลคลีน ของ “อิ๊งค์” ที่มาตรฐานสูง เป็น “ด่านสำคัญ” ที่ทำให้การสแกนกรรมบรรดารัฐมนตรีที่จะเข้ามารับตำแหน่งนั้นต้องทำอย่างเข้มข้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นบ่วงมัดคอนายกฯเสียเอง …*…

เป็นผลพวงมาจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในคดีถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน  ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในประโยคที่ว่า “เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของฝ่ายบริหาร ทุกการตัดสินใจมีผลกระทบต่อบ้านเมือง จึงต้องมีความรับผิดชอบในทุกการกระทำ ประกอบกับหลักเกณฑ์การพิจารณาเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตและความน่าเชื่อถือหรือไว้วางใจต่อสาธารณชนนั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ชัดในลักษณะภาวะวิสัย ไม่ใช่ปัญหาข้อเกี่ยวกฎหมายที่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญหรือประสบการณ์โดยเฉพาะ เพียงความตระหนักรู้ถึงมาตรฐานเยี่ยงวิญญูชนหรือบุคคลทั่วไปในสังคมก็เพียงพอต่อการวินิจฉัยได้แล้ว” …*…

“ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม เป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการสมคบสมาคม กับผู้มีความประพฤติ หรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีย อันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี”…*…

 ดังนั้น จึงต้องตั้งการ์ดสูง ป้องกันไม่ให้ “ตายน้ำตื้น” เพราะ “ลุงโทนี่” เหลือไพ่ใบสุดท้ายในมือคือ “นายกฯอิ๊งค์” และแม้แต่ตัวเธอเอง ก็ถูกจับจ้องตั้งแท่นตรวจสอบ …*…

 ขณะที่ การท้าทายจาก “ลุงโทนี่” จากการครอบงำพรรค ที่ท้าทายเอาไว้ว่า ถ้าจะร้องก็ร้องให้ดังนั้น ล่าสุด แม้จะเป็นปฏิบัติการที่เงียบเชียบ แต่แว่วว่า มีคนแอบไปยื่นคำร้องต่อ กกต.เพื่อยุบพรรคเพื่อไทย และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่า “นายกฯอิ๊งค์” จะมีความเสี่ยงไปด้วย ในจังหวะที่ “ลุงโทนี่” กำลังสยายปีกเต็มอัตรา …*…

ที่มา:ศรพระราม (27/8/67)