เปิดมาตรการด้านการเงิน พักหนี้ ลดดอกเบี้ย ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
เมื่อวันที่ 28 ส.ค.67 จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ ทั้งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคใต้ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนเป็นอย่างมาก เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 2567 ผ่าน *สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (*สถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialized Financial Institutions: SFIs) เป็นสถาบันการเงินที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐ โดยการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเชิงพาณิชย์ ซึ่งสถาบันการเงินเฉพาะกิจนั้นมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมีอำนาจสูงสุดในการกำกับดูแล และมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำกับความมั่นคง ปัจจุบันมีทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ 1) ธนาคารออมสิน 2) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 3) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) 4) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) 5) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) 6) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) 7) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.))
นายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงมาตรการด้านการเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี 2567 ว่า เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้ออกมาตรการด้านการเงินทั้งมาตรการพักชำระหนี้ ลดดอกเบี้ย และมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ โดยมีสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้
เปิด 7 มาตรการด้านการเงิน พักหนี้ ลดดอกเบี้ย ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม
1.ธนาคารออมสิน ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาล พักต้น ลดดอกครึ่งหนึ่ง นาน 3 เดือน กู้ฉุกเฉิน 0% ไม่ต้องมีหลักประกัน กู้ซ่อมบ้านได้ 100% เตรียมจับมือภาคีร่วมเปิด คลินิกสารพัดซ่อม ฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ประกอบด้วย
1.1 มาตรการพักชำระหนี้ สำหรับลูกค้าสินเชื่อรายย่อยที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการพักชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอเข้ามาตรการผ่านทางเว็บไซต์ธนาคารออมสิน https://www.gsb.or.th/ หรือติดต่อธนาคารออมสินในพื้นที่ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม หลังครบกำหนดผ่อนผันพักชำระหนี้ครบ 3 เดือนแล้ว ให้ชำระเงินงวดตามสัญญาเดิม หากยังไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินเพื่อหาแนวทางอื่นต่อไป
1.2 มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
1.2.1 โครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ วงเงินต่อรายไม่เกิน 10,000 บาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.6 ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 เดือน ปลอดชำระเงินงวดใน 3 เดือนแรก หลังจากนั้นเดือนที่ 4 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.60% ต่อเดือน สามารถติดต่อขอสินเชื่อที่ธนาคารออมสินสาขาภายใน 30 วันนับตั้งแต่ประสบภัย โดยเปิดให้ยื่นขอสินเชื่อได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
1.2.2 โครงการสินเชื่อเคหะแก่ผู้ประสบภัย วงเงินกู้ต่อรายสูงสุดร้อยละ 100 ของราคาประเมิน อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี
นอกจากนี้ ธนาคารออมสินเตรียมร่วมมือกับภาคีเครือข่าย โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่จัดตั้ง “คลินิกสารพัดซ่อม” เพื่อให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูเยียวยาหลังน้ำลด ในการดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซม ทั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัย อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน รถจักรยานยนต์ และอื่นๆที่ได้รับความเสียหาย ตลอดจนสำรวจความต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมด้านต่างๆต่อไป
2.ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าผู้ประสบภัย
2.1 มาตรการพักชำระหนี้ แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่
2.1.1 กรณีหนี้ถึงกำหนดชำระหรือหนี้ค้างชำระ 0 - 3 เดือน สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี กรณีลูกค้าไม่สามารถชำระดอกเบี้ยค้างชำระได้ทั้งหมด ให้ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี ยกเว้นดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน และกรณีลูกค้าสามารถชำระดอกเบี้ยค้างชำระได้ร้อยละ 20 จะตัดชำระเงินต้นร้อยละ 50 และตัดชำระดอกเบี้ยร้อยละ 50
2.1.2 กรณีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loans : NPLs) สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยการขยายระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 20 ปี ลดอัตราดอกเบี้ยปรับทั้งจำนวน และลดภาระหนี้และดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 70 เมื่อชำระหนี้ได้ตามสัญญาใหม่
2.2 มาตรการเสริมสภาพคล่องและฟื้นฟูลูกค้า วงเงินรวม 20,000 ล้านบาท จำนวน 2 โครงการ ได้แก่
2.2.1 โครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ปี 2567/68 วงเงินต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ย *Minimum Retail Rate หรือ MRR (*MRR (Minimum Retail Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย) (ปัจจุบัน MRR ของ ธ.ก.ส. เท่ากับร้อยละ 6.975 ต่อปี) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 3 ปี ปลอดชำระดอกเบี้ยใน 6 เดือนแรก
2.2.2 โครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต วงเงินต่อรายไม่เกิน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย MRR - 2 ต่อปี ระยะเวลากู้ไม่เกิน 15 ปี
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรอย่ากังวลใจในช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ธนาคารพร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ สำหรับเกษตรกรผู้ประสบภัยดังกล่าว สามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-555-0555 ตลอด 24 ชั่วโมง
3.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ลูกค้าประชาชน ประกอบด้วย
3.1 มาตรการลดเงินงวดและลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าปัจจุบันจะได้รับการลดเงินงวดร้อยละ 50 จากเงินงวดที่ชำระปกติ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เหลือร้อยละ 2 ต่อปี เป็นระยะเวลา 6 เดือน
3.2 มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับลูกค้าใหม่หรือลูกค้าปัจจุบัน สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมหรือสินเชื่อใหม่เพื่อปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิมหรือซ่อมแซมอาคารที่ได้รับความเสียหาย วงเงินต่อรายไม่เกิน 1 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2 ต่อปี
3.3 มาตรการประนอมหนี้ สำหรับลูกค้าที่ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือนหรืออยู่ระหว่างการประนอมหนี้จะได้รับการปลอดชำระดอกเบี้ยและเงินงวดใน 6 เดือนแรก กรณีลูกค้าที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร ผู้กู้ร่วมหรือทายาทสามารถผ่อนชำระต่อในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปีตลอดระยะเวลาคงเหลือ และกรณีที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลังและไม่สามารถซ่อมแซมได้สามารถยกเว้นหนี้ในส่วนของอาคารและผ่อนชำระต่อเฉพาะในส่วนของที่ดินที่คงเหลือ
3.4 มาตรการสินไหมเร่งด่วน สำหรับลูกค้าที่ทำกรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติจะพิจารณาสินไหมอย่างเร่งด่วน (Fast Track) เป็นกรณีพิเศษ
เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนต่อไป สำหรับลูกค้าที่ประสงค์ขอรับบริการตามมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2567 สามารถติดต่อได้ที่สาขาของ ธอส. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ ติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Application : GHB ALL GEN
4.ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเอสเอ็มอีประสบอุทกภัย ‘พัก - ลด - ขยาย - ปรับ - เติม’ ฟื้นฟูกิจการ ก้าวข้ามอุปสรรคอย่างมั่นคง เพื่อช่วยเหลือลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบ ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี ระยอง และภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่ตามที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยจะมีประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพิ่มเติมต่อไปประกอบด้วย
4.1 มาตรการพักชำระหนี้ พักชำระหนี้เงินต้นให้สอดคล้องกับระดับความรุนแรงของผลกระทบและลักษณะของธุรกิจแต่ละราย โดย พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน ลดค่างวดผ่อนชำระเหลือจ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% สูงสุด 12 เดือน ขยายระยะเวลาการชำระหนี้สูงสุด 7 ปี และขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาเงินสูงสุด 120 วัน รวมถึงปรับเปลี่ยนหนี้ระยะสั้นเป็นหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี
4.2 มาตรการสินเชื่อเติมทุน เติมทุนฟื้นฟูกิจการ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “Smile Biz ธุรกิจยิ้มได้ สำหรับซ่อมแซมฟื้นฟูกิจการ เงื่อนไขผ่อนปรน สร้างโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แม้ทำธุรกิจมาเพียง 1 ปี ก็สามารถกู้ได้ วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ *Minimum Loan Rate หรือ MLR -1.0% หรือ 6.50% ต่อปี (*MLR (Minimum Loan Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี เช่น มีประวัติการเงินที่ดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างเพียงพอ โดยส่วนใหญ่ใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ) (ปัจจุบัน MLR ของ ธพว. เท่ากับร้อยละ 7.5 ต่อปี) ระยะเวลากู้สูงสุด 7 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 6 เดือนแรก โดยการช่วยเหลือจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามผลกระทบและความสามารถในการชำระของแต่ละกิจการ
นอกจากนี้ ธพว. ได้เปิดบริการ Call Center 1357 ไว้คอยรับแจ้งขอความช่วยเหลือ ดังนั้น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติในครั้งนี้ มั่นใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือและดูแลจาก SME D Bank อย่างใกล้ชิด ทั่วถึง และทันท่วงที
5.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สามารถแสดงความประสงค์เข้าร่วมมาตรการผ่านทางเว็บไซต์ของ ธสน. https://www.exim.go.th/ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (สอบถามข้อมูล โทร. 02-169-9999) ประกอบด้วย
5.1 มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงินสูงสุด 180 วัน เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราวสูงสุดร้อยละ 20 ของวงเงินหมุนเวียนเดิม สูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาวผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี
5.2 มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว ขยายระยะเวลาเงินกู้สูงสุด 7 ปี ปรับลดอัตราดอกเบี้ยปีแรกลงร้อยละ 0.50% หรือจ่ายดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 50 ในช่วง 6 เดือนแรก และพักชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 1 ปี
6.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) ออกมาตรการสำหรับกลุ่มลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ จะได้รับการพักชำระหนี้เงินต้น ชำระเฉพาะอัตรากำไร เป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน โดยให้ขยายระยะเวลาออกไปไม่เกินระยะเวลาที่พักชำระ และได้รับการยกเว้นค่าชดเชยผิดนัดชำระ (Late charge) ที่เกิดขึ้นทั้งจำนวนจนถึงวันที่ปรับปรุงบัญชี ทั้งนี้ สามารถยื่นคำขอเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (สอบถามข้อมูล โทร. 02-650-6999 หรือสายด่วน 1302)
7.บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าและลูกหนี้ของ บสย.ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยปี 2567 ประกอบด้วย
7.1 มาตรการพักชำระค่าธรรมเนียม สำหรับลูกค้า บสย. ที่ถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 สามารถพักชำระค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อและค่าจัดการค้ำประกันเป็นระยะเวลา 6 เดือนนับจากวันถึงกำหนดชำระ
7.2 มาตรการพักชำระค่างวด สำหรับลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้และไม่ผิดนัดชำระหนี้สามารถพักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 3 งวด โดยขอเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2567
นอกจากนี้ บสย.ยังได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และผลกระทบอย่างใกล้ชิดในพื้นที่จังหวัดอื่นๆที่มีแนวโน้มเป็นพื้นที่ประสบภัย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำ 7 จังหวัด คือ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง และ พระนครศรีอยุธยา พร้อมมอบหมายให้สำนักงานเขต บสย. ทั่วประเทศเร่งสำรวจตรวจสอบและสื่อสารประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว โดย บสย. เตรียมลงพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลืออื่นๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งกลุ่มลูกค้า และลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัยตามประกาศดังกล่าว สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ ได้ที่สำนักงานเขตในพื้นที่ หรือ ช่องทาง LINE OA TCG First: @tcgfirst และ บสย. Call Center โทร. 02-890-9999
ลดภาระต้นทุน มีเงินทุนหมุนเวียน ฟื้นฟูกิจการ ช่วยเหลือประชาชนครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย กระทรวงการคลังหวังว่า มาตรการดังกล่าวจะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายทั้งเกษตรกร ประชาชนรายย่อย และผู้ประกอบการในพื้นที่ ให้สามารถลดภาระต้นทุน มีเงินทุนหมุนเวียน สามารถฟื้นฟูกิจการ ปรับปรุง และซ่อมแซมอาคาร โรงงาน เครื่องจักร เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถติดต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะออกมาตรการที่เหมาะสมมาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดโดยไม่เกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้างต่อไป
#น้ำท่วม2567 #ข่าววันนี้ #น้ำท่วมสุโขทัย #เขื่อนเจ้าพระยา #เงินกู้น้ำท่วม