ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากกรณีที่สภาพระบบชลประทานน้ำเค็ม ในการบริหารจัดการของกรมประมง ในตำบลท่าพญา อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกบริหารจัดการในระบบเกษตรกรรมน้ำเค็ม หรือที่เรียกว่า “โซนน้ำเค็ม”ของเขตโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อยู่ในสภาพไม่สามารถใช้การได้อย่างสิ้นเชิง โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดโครงการอาคารบำบัดน้ำเสีย อาคารพร้อมระบบสูบส่งน้ำเค็ม มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท 

โดย กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งระบุว่าอุปสรรคปัญหาของพื้นที่คือการถูกแบ่งบริหารพื้นที่ ให้เป็นโซนประกอบอาชีพที่ต้องใช้น้ำเค็มเป็นหลักเช่นการเลี้ยงกุ้งทะเล ปูดำ ปลากะพง แต่กลายเป็นปัญหาใหญ่คือการขาดน้ำเค็มเข้ามาในระบบเกษตรกรต้องหาน้ำเข้ามาในพื้นที่เลี้ยงด้วยความยากลำลบากและต้นทุนสูงแม้จะอ้างว่าเกษตรกรไม่จ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการสูบน้ำ แต่เมื่อย้อนดูระบบใช้การได้หรือไม่

ด้าน นายดนตรี  ชาวตำบลท่าพญา ระบุว่า ปัญหาหลักๆของผู้เลี้ยงกุ้งคือน้ำเค็มเป็นลำดับแรก ท่อที่สูบเข้ามานี่ชำรุดมาตั้งแต่ทะเลทั้งระบบน้ำเข้า และส่งออกมาให้เกษตกรใช้การไม่ได้ โครงการสร้างมาตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว ความเดือดร้อนของเราเดือดร้อนมาก ระบบล้มเหลวทั้งหมด ชาวบ้านต้องการใช้น้ำเค็มเพราะถูกจัดให้เป็นพื้นที่ทำเกษตรกรรมด้วยน้ำเค็ม เมื่อไม่มีน้ำเค็มทุกอย่างก็จบ

ส่วนระบบน้ำเค็มนั้นพบว่ามีอาคารพร้อมระบบสูบ ท่อส่งขนาดใหญ่ อยู่บริเวณริมถนนสายปากพนัง-หัวไทร มีป้ายชื่อหน้าโครงการคือ “โครงการชลประทานน้ำเค็มเพื่อการเลี้ยงกุ้งทะเลบ้านท่าพญา” จากนั้นมีระบบท่อลอดใต้ถนนเข้าสู่ท่อส่งขนาดใหญ่ผ่านบนดินไปอีกราว 1 กิโลเมตรไปพักน้ำดีที่บ่อพักน้ำที่อยู่ในสภาพไม่พร้อมใช้งาน จากนั้นมีระบบส่งผ่านคลองดาดคอนกรีตไปยังพื้นที่เกษตรกรรม แต่เมื่อสำรวจปรากฏว่าระบบประตูน้ำชำรุดไม่อยู่ในสภาพ ระบบคลองดาดคอนกรีตทั้งหมดทั้งระบบไม่สามารถใช้การได้ ขณะที่ฝ่ายประมงนครศรีธรรมราช ยืนยันว่าระบบทั้งหมดล้มเหลวไม่สามารถใช้การได้จากเกษตรกรไม่ชำระเงินค่าบริหารจัดการตามข้อตกลง