ในโลกปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับสังคมออนไลน์ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ ทำให้เกิดการทำโซเชียลมีเดียดีท็อกซ์  (social media detox) เป็นการบำบัดการเสพติดเทคโนโลยีหรือสื่อสังคมออนไลน์ โดยการกำหนดตนเองให้อยู่ห่างจากการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อการพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายและจิตใจของตนเอง

เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่าน  "ยิปซี" คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์" ประกาศผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @gypsykeerati  ประกาศพักเล่นโซเชียล 12 วัน entering my birth month with social media detox for 12 days ~ล่าสุด "ยิปซี" 

ล่าสุด "สาวยิปซี" โพสต์คลิปรีวิวประสบการณ์ social media detox ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @gypsykeerati พร้อมระบุข้อความว่า...

มาแล้ว 🥺🤍 รีวิวประสบการณ์ social media detox คลิปยาวหน่อยน้า ตั้งใจตัด ตั้งใจแชร์มากๆ 🥹🫶🏽 hope it’s good for you and helpful in some ways ka . . #mentalhealthmatters

โดยในคลิป "สาวยิปซี" เล่าว่า ช่วงก่อนวันเกิดตั้งใจทำsocial media detox คืองดเล่นโซเชียล 12 วัน  คืองดเล่นโซเชียลอะไรบ้าง ทวิตเตอร์ไม่เล่นอยู่แล้ว ไอจี เฟซบุ๊ก ก็ไม่เล่น  ติ๊กต็อกไม่เข้าเลย สำหรับยูทูปมีเข้าไปบ้าง ฟังเพลย์ลิสต์ที่เซฟไว้ ส่วนไลน์ เอาไว้เช็กว่ามีงานสำคัญติดต่อเข้ามาหรือเปล่า คุยกับคนในครอบครัวเท่านั้นเอง คือเคยทำพวกลดโซเชียลมาก่อนอยู่แล้ว แต่ไม่เคยตั้งมิชชั่นว่าจะงด 12 วันติด ปกติที่ผ่านมาจะลิมิตการใช้โซเชียลของตัวเองอยู่แล้ว เราเป็นคนนอน 2 ทุ่ม ประมาณทุ่มหนึ่งก็จะเอาโทรศัพท์ไปวางไว้อีกห้องหนึ่งแล้วจะไม่จับโทรศัพท์แล้ว หรือว่าตอนเย็นจะเข้าโซเชียลเล่นรวมไม่เกิน 1 ชั่วโมง 

เหตุที่ทำ social media detox เพราะว่าคิดว่าสมองรก คือว่าบางทีเราคิดว่าข้อมูลมันเยอะมาก วุ่นวาย บางทีคิดว่าสมองเรามันเหนื่อย ไม่สดใส และอีกอย่างหนึ่ง จะทำตอนที่เรารู้สึกว่า เราไม่มีความสุข เครียด โมโห หรือเศร้า แต่หาสาเหตุไม่ได้ อันนี้จะดึงตัวเองออกมาจากโลกโซเชียล แล้วอยู่กับตัวเองทันที อันนี้จะพยายามฝึกอยู่เรื่อยๆ 

ใน 12 วันที่ทำ social media detox ข้อแรกคือ ว่างมากๆ เหมือนกับว่าเรามีเวลาในชีวิตต่อวันมากขึ้นแบบเยอะมากๆ ทำให้รู้สึกว่า เราเสียเวลาแบบที่เราไม่รู้ตัวไปเยอะเหมือกัน แล้วทีนี่พอว่างมากเราก็หาอะไรทำ อะไรที่เราผลัดวันประกันพรุ่งมา พอเรามีเวลาว่างแบบเถียงไม่ได้ เราก็เริ่มลงมือทำ อย่างเช่น อันแรกเลย จัดห้อง 

อันที่สองที่เราทำคือ เราเริ่มเห็นของที่มันเยอะ อย่างเช่นเสื้อผ้าเยอะเราทำการโละล็อตใหญ่เหมือนกัน ซึ่งแฮปปี้มากๆ 

อันหนึ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์มากๆ คือ  เราซื้อของที่ไม่จำเป็นน้อยลง แน่นอนข้อดีมากๆ แคือ การได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ซึ่งเรามองว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเลย เหมือนที่ได้มีเวลาอยู่เงียบๆ แล้วค้นใจของตัวเองว่า ตอนนี้เรารู้สึกยังไงอยู่ ตอนนี่้เราต้องการอะไรอยู่ในช่วงนี้ หรือต้องการอะไรในชีวิต มันคือสิ่งที่ควรจะทำอยู่เรื่อยๆ 

พอมีเวลาเยอะก็ได้ใช้ชีวิตแบบช้าลง ... ตื่นนอนมาไปทพกาแฟก็ไม่ได้ทำแบบรีบๆ ทำแบบช้าๆ มีเวลาแบบค่อยๆกิน อาหารเช้า แบบว่าไม่ใช่มือนหนึ่งกินไปมือหนึ่งดูมือถือไปด้วย กินแล้วอยู่กับอาหารที่กินจริงๆ เป็นอะไรที่ดดี อยากให้ทุกคนลองทำกัน

นอกจากการอยู่กับปัจจุบัน การอยู่กับตัวเอง และยังมีการอยู่กับคนอื่นตรงหน้าเรา ทำให้เราโฟกัสอยู่กับเพื่อนของเราจริงๆ ถึงแม้บางทีเพื่อนของเราบางคนไม่ได้งดโซเชียล แต่พอเราไม่ได้แตะโทรศัพท์เราก็นั่งมองเขา บางทีเราก็เปิดสนทนาก่อน ชวนเขาคุย 

สุดท้ายเลย คือเรื่องของความเบื่อ เราได้เขียนลงไปในโพสต์ของเขาด้วย มิชชั่นวันนั้น อยากจะอยู่กับความทเบื่อได้มากขึ้น เรารู้สึกว่าคนเราสมัยนี้ไม่ยอมจะอยู่กับความเบื่อมากเกินไป อยากฝากเตือนไว้ บางทีเราเหมือนหนีปัญหา หรือบางทีเราปัดผ่านปัญหาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการกระทำนี้ถ้าทำไปเรื่อยๆ ทำจนเป็นพฤติกรรมออโต้ โดยไม่รู้ตัวไปแล้ว เรารู้สึกกว่า ค่อนข้างอันตราย

 

 

ขอบคุณข้อมูล/ภาพ :  IG@gypsykeerati