ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลกวิตก ฝีดาษวานรกลายพันธุ์รวดเร็ว ขณะที่ การทำงานยังมืดบอดไร้ข้อมูล ด้านผู้นำอินโดนีเซียนั่งไม่ติด สั่งเฝ้าระวังเข้มงวด หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อรวมแล้ว 88 รายในช่วง 2 ปี

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.67 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นพ.ดีมี โอโกอีนา ประธานคณะกรรมการฉุกเฉินแห่งองค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ (ฮู) และเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อไวรัสฝีดาษวานร หรือชื่อเป็นทางการ “เอ็มพ็อกซ์” แถลงด้วยความวิตกกังวลว่า คณะนักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกายังคงทำงานด้วยความมืดบอดแบบไร้ข้อมูล เกี่ยวกับการกลายพันธุ์เป็นเชื้อพันธุ์ใหม่ของไวรัสเอ็มพ็อกซ์

โดย นพ.โอโกอีนา ระบุด้วยว่าคณะนักวิทยาศาสตร์ในแอฟริกาไร้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของเชื้อ การแพร่เชื้อ และปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้เข้าใจโรค อันนำมาซึ่งการพัฒนา การออกแบบ เกี่ยวกับวิธีการในการรับมือป้องกันโรค

พร้อมกันนี้ ประธานคณะกรรมการฉุกเฉินแห่งองค์การอนามัยโลก ยังเผยอีกว่า เชื้อไวรัสเอ็กพ็อกซ์มีการเปลี่ยนแปลงกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เร็วมาก เช่น จากไวรัสเอ็มพ็อกซ์สายพันธุ์ “เคลด 2” กลายเป็น “เคลด 2 บี” ในช่วงระยะเวลาไม่นาน ส่วนในขณะนี้เป็นสายพันธุ์ “เคลด 1” ซึ่งกำลังกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ “เคลด 1 บี” ซึ่งแพร่ระบาดไปได้อย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน ทางด้านสถานการณ์เชื้อไวรัสฝีดาษวานรในประเทศอินโดนีเซีย ล่าสุดมีรายงานว่า ในปีนี้ได้พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่อีกจำนวน 14 ราย ส่งผลให้อินโดนีเซีย มียอดสะสมของผู้ป่วยติดเชื้อนับตั้งแต่ ส.ค. ปี 2002 (พ.ศ. 2565) เป็นต้นมารวมแล้ว 88 ราย

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ข้างต้น ส่งผลให้ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย ต้องสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นๆ เฝ้าระวังสถานการณ์ของเชื้อไวรัสเอ็มพ็อกซ์ในประเทศอย่างเข้มงวดมากขึ้น และมีรายงานว่า ทางรัฐบาลอินโดนีเซีย ได้จัดเตรียมวัคซีนป้องกันไวรัสเอ็มพ็อกซ์ จำนวน 4,450 โดส สำหรับการฉีดให้แก่ประชาชน 2,225 คน ในเบื้องต้น โดยแต่ละคนจะรับวัคซีนจำนวน 2 โดส ด้วยกัน