ทหารแฉคลิปเด็ดหลักฐานมัดตัว เอาผิด แก๊งเยาวชน อายุ 15 -18 ปี ชาว ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ อาวุธครบมือ ไล่ล่าคู่อริ เจอทหารชุดเฉพาะกิจตั้งจุดสกัด ไม่สนปาระเบิดปิงปอง ยิงปืนสวน ยิ่งกว่าสงคราม สุดท้ายไม่รอดตามจับตัวได้ทั้งแก๊ง ส่งตำรวจดำเนินคดี อ้างคึกคะนอง ชาวบ้านเรียกร้อง ตำรวจ หน่วยงานความมั่นคง ปราบปรามจริงจัง เป็นภัยสังคม

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ชุดพาะกิจ กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พร้อมเจ้าหน้าที่ ชุดเฉพาะกิจทการพราน 2103 อ.ท่าอุเทน นำคลิปหลักฐานสำคัญ ออกมาเผยแพร่ผ่านสื่อ รวมถึงเป็นหลักฐานสำคัญประกอบการดำเนินคดีของตำรวจ กรณี เกิดเหตุขณะตั้งจุดสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติด เมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณพื้นที่ บ้านโคกนาดี ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม โดยขณะปฏิบัติหน้าที่ สกัดตรวจค้น และตรวจปัสสาวะ ผู้ต้องสงสัย เครือข่ายยาเสพติด  ขณเดียวกันได้มี เยาวชน 2 ราย อายุระหว่าง 15 -18 ปี ขับรถจักรยานยนต์ ผ่านมา ด้วยอาการตกใจ เพื่อความความช่วยเหลือ ยืนยัน ว่ามีแก๊งวัยรุ่น กำลังขับรถจักรยานยนต์ ตามไล่ล่าพยายามจะทำร้าย มีอาวุธครบมือ ทั้งปืน และระเบิดปิงปอง

ตามคลิปหลักฐานช่วงเวลาเดียวกันไม่ถึง 2 นาที ได้มีกลุ่มวัยรุ่น เป็นเยาวชน อายุประมาณ 15 -18 ปี ขับรถจักรยานยนต์ ตามคู่อริมา ประมาณ 4 -5 คัน รวมประมาณเกือบ 10 คน จนกระทั่งเจอเจ้าหน้าที่กำลังทหาร บริเวณจุดสกัด จึงพยายามปาระเบิดปิงปอง ยิงปืน ใส่เจ้าหน้าที่ แต่เจ้าหน้าที่ ได้มีการยิงปืนขึ้นฟ้าโต้ตอบระงับเหตุ จึงพากันขับรถจักรยานยนต์หลบหนี ภายหลังจึงได้ระดมกำลังติดตาม จับกุมมาได้ ประมาณ 5 คน อายุ ประมาณ 15 -18 ปี พบว่ามีอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ รวมถึงระเบิดปิงปอง ควบคุมตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.โพนสวรรค์ ดำเนินคดี ตามกฎหมาย อ้างทำไปเพราะความคึกคะนอง โชคดีไม่มีคนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ช่วงเกิดเหตุ ยังมีชาวบ้าน ในพื้นที่ ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ นำคลิปหลักฐาน สำคัญ ออกมาแฉพฤติกรรมสุดเถื่อน ของกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ที่สร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชน และเป็นภัยสังคม มีการขับรถจักรยานยนต์ นับ 10 คัน ไล่ล่าคู่อริ ยิงปืน ปาระเบิดปิงปอง ในหมู่บ้าน สร้างความหวาดผวา เดือดร้อนรำคาญ ยิ่งกว่าพื้นที่ชายแดนภาคใต้ พร้อมเรียกร้องให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานความมั่นคง ปราบปรามจริงจัง และเตือนผู้ปกครองช่วยกันสอดส่องดูแล ไม่ให้เป็นแบบอย่าง