ขอนแก่นยังเข้มเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิง แนะกลุ่มเสี่ยงเลี่ยงไปในพื้นที่แออัด และระวังตัวอย่างเต็มที่ ย้ำชัดหากกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงให้รายงานตัวต่อด่านกักกันโรคเพื่อเฝ้าระวังป้องกันอย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 27 ส.ค.67 ที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 (ขอนแก่น) พญ. จิรา ศักดิ์ศศิธร รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 กรมควบคุมโรคเปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณศุขโดยกรมควบคุมโรค และทุกหน่วยงานได้ยกระดับและเพิ่มมาตรการเข้มในการเฝ้าระวังและตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงโรคฝีดาษลิง หลังพบผู้ป่วยยืนยันป่วยด้วยโรคฝีดาษลิงแล้วในประทเศไทย ในสายพันธุ์ 1 แล้วในขณะนี้ ซึ่งกลุ่มเสี่ยงจะเป็นกลุ่มสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว โดยส่วนมากจะเป็นกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า ผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ และกลุ่มชายรักชาย
“กลุ่มนี้จะมีโอกาสติดเชื้อสูงในลำดับต้นๆ ขณะที่การสัมผัสใกล้ชิดเพราะคนที่ติดเชื้อส่วนมากจะแผลและผื่นขึ้นตามผิวหนังถ้ามีการสัมผัสใกล้ชิดแนบชิดจะมีโอกาสติดเชื้ออย่างมากและการใกล้ชิดใกล้กว่า 1 เมตร อาจจะด้วยการพูดคุยและมีละอองฝอยมีน้ำลายกระเด็นใส่อีกฝ่ายโดนมือโดนหน้าก็มีโอกาสติดเช่นกัน และเมื่อพบการติดเชื้อแลล้วจะมีระยะ ฝักตัว 5-21 วัน โดยระยะแรกจะมีอาการเหมือนติดเชื้อไวรัสทั่วไป มีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว อาจจะมีต่อมน้ำเหลืองที่คอและขาหนีบโต แต่หลังจากมีไข้ 1-3 วันผ่านไปจะมีผื่นขึ้นตามผิวหนังระยะแรกจะเป็นผื่นแดง ตามตัว แขน ฝ่ามือ หน้าอก อวัยวะเพศหรือรอบทวารหนัก ต่อมาผื่นแดงจะกลายเป็นตุ่มน้ำใสต่อมาจะกลายเป็นตุ่มหนอง จากนั้นจะแตกออกและกลายเป็นสะเก็ดแห้ง ซึ่งจะใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ ซึ่งระยะที่เป็นผื่นจะกระจายเชื้อได้ดีที่สุด ถ้าหากสงสัยว่าติดเชื้อต้องมีการแยกตัวออกจากคนอื่นใส่หน้ากากอนามัยจากนั้นไปพบแพทย์และแจ้งความเสี่ยงให้แพทย์รับทราบจะได้วินิจฉัยและทำการรักษา”
พญ.จิรา กล่าวต่ออีกว่า ปกติโรคฝีดาษวานรไม่จำเป็นต้องรับประทานหรือใช้ยาที่เฉพาะเจาะจงจะเป็นการรักษาตามอาการประคองอาการ แต่สำหรับคนที่มีความรุนแรงของโรคมีปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงอย่างคนที่ติดเชื้อ HIV มีเม็ดเลือดขาวน้อย หญิงตั้งครรภ์ หรือคนที่มีโรคประจำตัวที่มีผิวหนังอักเสบอย่างสะเก็ดเงิน กลุ่มเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับยาเฉพาะทางโดยแพทย์จะเป็นคนวินิจฉัยและสั่งยาเองไม่สามารถจะไปซื้อยารับประทานเองได้เพราะเป็นยาอันตรายต้องอยู่ในการควบคุมของแพทย์ที่จะให้ยา อย่างไรก็ตามสำหรับวิธีป้องกันอยากให้ประชาชนทุกคนหลีกเลี่ยงไปในที่แออัดมีคนเยอะเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด ดูแลสุขภาพอนามัยพื้นฐานล้างมือบ่อยๆ ล้างด้วยเจลแอลกอฮอล์ จะเป็นการป้องกันเบื้องต้น