วันที่ 27 ส.ค.67 ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตารวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบ ธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามา แฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.คธาธร คาเที่ยง รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพะยอม รอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.สุเมธ เจนวงศ์พิทักษ์ ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.อ.นภัสพงษ์ โฆษิตสุริยมณี ผกก.ตม.จว.ชลบุรี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1. ตม.จว.สมุทรปราการ บูรณาการร่วมฯ จับกุมหนุ่มเมียนมาฆ่าคู่อริเพื่อนร่วมชาติ รวบตัวได้ทันก่อน หลบหนีออกนอกประเทศ
ตม.จว.สมุทรปราการ ร่วมกับ ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง จับกุมนายอ่อง ลี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา โดยกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ริมถนนสาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้า อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ
จากกรณีแรงงานสัญชาติเมียนมา ได้ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกันที่บริเวณหน้าที่พักคนงานก่อสร้าง อ.บางปะกง จว.ฉะเชิงเทรา โดยนายมิน ทู ถูกอาวุธมีดแทงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายอ่อง ลี หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไป ตม.จว.ฉะเชิงเทรา จึงได้แจ้งข้อมูลให้กับตม.จว. ต่างๆ ให้ช่วยสืบสวนติดตาม ตัวมาดำเนินคดีและเฝ้าระวังการหลบหนีออกจากประเทศไทย ต่อมาจากการสืบสวนของ ตม.จว.สมุทรปราการ ทราบว่า นายอ่อง ลี ได้หลบหนีคดีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ ต.ปากน้า อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ จึงได้ร่วมกับ ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, กก.1 บก.สส.สตม. และ สภ.บางปะกง ออกสืบสวนหาตัวนายอ่อง ลี จนกระทั่งพบนายอ่องลี ที่ริมถนน สาธารณะ ซอยสุทธิภิรมย์ ต.ปากน้า อ.เมืองสมุทรปราการ จว.สมุทรปราการ จึงได้จับกุมนาตัวส่ง พงส.สภ.บางปะกง ดำเนินคดตีามกฎหมาย
2. ตม.จว.ชลบุรี จับหนุ่มแดนกิมจิ รองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด หลบหนีหมายจับจากเกาหลี มากบดาน พัทยา OVER STAY เกือบปี
ตม.จว.ชลบุรี ได้รับการประสานข้อมูลจาก ป.ป.ส. ว่ามีคนต่างด้าวสัญชาติเกาหลีใต้มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับ ยาเสพติดเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จึงได้ทาการสืบสวนจนทราบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือนายจิน (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) ต่อมาได้รับ แจ้งจากสายลับว่านายจินจะเดินทางมายังร้านอาหารเกาหลีในพื้นที่ หมู่ 6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้สะกดรอยติดตามจนนายจินปรากฎตัว จึงได้แสดงตัวจับกุมในข้อหา OVERSTAY จากการสอบถามนายจินเกี่ยวกับพฤติการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด นายจินให้การยอมรับว่าตนเป็นรองหัวหน้าแก๊งยาเสพติด ทำหน้าที่จัดหายาเสพติดในประเทศ ไทยเพื่อส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ โดยใช้วิธีการให้ผู้หญิงซุกซ่อนยาเสพติดไว้ตามร่างกาย ซึ่งทามาแล้วประมาณ 4 ครั้ง ดังนี้
ครั้งที่ 1 วันที่ 31 พ.ค.67ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาคีตามีน 500 กรัมผู้ต้องหาให้การว่ารับยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา
ครั้งที่ 2 วันที่ 10 มิ.ย.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 2 คนพร้อมยาคีตามีน 500 กรัมผู้ต้องหาให้การว่ารับยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา
ครั้งที่ 3 วันที่ 17 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คน พร้อมยาไอซ์ 1.1 กิโลกรัม ผู้ต้องหาให้การว่ารับยาเสพติดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่พัทยา
ครั้งที่ 4 วันที่ 19 ก.ค.67 ศุลกากรเกาหลีใต้จับผู้ต้องหา 1 คนพร้อมยาไอซ์1.25 กิโลกรัมโดยให้การว่ารับ ยาเสพติดที่พื้นที่พัทยาและสมุทรปราการ
ซึ่งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การซัดทอดว่านายจินเป็นผู้บงการในการลักลอบขนยาเสพติดซึ่งตม.จว.ชลบุรีจะ ได้ร่วมกับ ป.ป.ส. ในการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำผิดต่อไป สำหรับมลู ค่าของยาเสพติดหากนำเข้าไปจำหน่ายใน ประเทศเกาหลีใต้ได้จะมีมีลค่าสูงขึ้นมากโดยยาไอซ์จะมีราคาจำหน่ายกิโลกรัมละประมาณ 13 ล้านบาทส่วนคีตามีน กิโลกรัมละ 5,200,000 บาท
3. ตม.จว.ชลบุรี รวบแก๊งรัสเซีย นำเงินยูโรปลอมแลกตามบูธ ความเสียหายกว่าล้านบาท และ OVER STAY
ตม.จว.ชลบุรี จับกุมนาย A (นามสมมติ) อายุ 29 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมเงินสกุลยูโรปลอม ฉบับ 500 ยูโร จานวน 6 ฉบับ ฉบับละ 50 ยูโร จานวน 80 ฉบับ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยการอนุญาตสิ้นสุด และทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตราไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกให้ หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสาหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นผู้นั้นกระทำผิด ฐานปลอมเงินตรา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 และ มีไว้เพื่อนาออกใช้ซึ่งเงินตราต่างประเทศสกุล (ยูโร) อันตน ได้มาโดยรู้ว่าเป็นเงินตราเป็นของปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 244 ประกอบกับกฎหมายอาญามาตรา 247 นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมโรงแรมในย่านพระตำหนักซอย 6 หมู่ 12 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี
ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพนักงานตู้รับแลกเงินว่า มีคนนำธนบัตรยูโรปลอมฉบับละ 500 ยูโร จำนวน 1 ฉบับ มาแลกเปลี่ยนที่ร้านรับแลกเงินของตน จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าได้มีชายไทยนำเงินสกุลยูโร ฉบับละ 500 ยูโร จานวน 1 ฉบับ มาทำการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาท เมื่อพนักงานผู้รับแลกเงินได้ตรวจสอบธนบัตร โดยใช้ ปากกาเคมีสำหรับตรวจสอบธนบัตร พบว่าเป็นธนบัตรสกุลยูโรปลอม ตม.จว.ชลบุรี จึงสืบสวนติดตามตัวจนพบชายไทย ที่นาธนบัตรยูโรปลอมมาแลกจากการสอบถามได้ให้การว่าเป็นพนักงานต้อนรับโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้มีนาย A (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเซีย ซึ่งได้เข้าพักที่โรงแรมมาเป็นเวลาประมาณ 3 อาทิตย์โดยยังไม่ได้ชำระเงินค่าที่พัก ได้นำธนบัตรยูโรฉบับ ละ 500 ยูโรฉบับดังกล่าว มาจ่ายค่าที่พักตนจึงได้นำไปแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินบาทกับทางตู้แลกเงินดังกล่าว โดยไม่ ทราบว่าเงินสกุลยูโรดังกล่าวเป็นธนบัตรปลอม พร้อมทั้งยังได้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ตรวจสอบ ไปยังห้องพักที่นาย A พักอาศัยอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรม จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางนาย A ปรากฏว่า การอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจสอบกระเป๋าสีดำที่อยู่ในห้องพักของนาย A พบว่ามีเงินสกุล ยูโรฉบับละ 500 ยูโร 5 ฉบับ และธนบัตรฉบับละ 50 ยูโร จำนวน 80 ซึ่งนาย A ให้การยอมรับว่าเงินสกุลยูโรจำนวน ดังกล่าวทั้งหมดเป็นของตนและเป็นธนบัตรยูโรปลอม โดยตนได้นำติดตัวมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีเพื่อน ที่ตุรกีให้นำติดตัวมาใช้จ่ายที่ประเทศไทย และตนเองได้นำเงินสกุลดังกล่าวมาจ่ายชำระค่าที่พักกับทางโรงแรมดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและจับกุมตัวนาย A ดำเนินคดีในข้อหาดังกล่าว
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทาความผดิ ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง