วันที่ 27 ส.ค.67 เมื่อเวลา 09.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ที่ดูเหมือนยังไม่มีความชัดเจน ว่า ในวันที่มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐตนไม่ได้มีส่วนร่วมในการนำเสนอในที่ประชุม ฉะนั้น ข้อสรุปพรรคพลังประชารัฐที่ได้มีมติตามที่สื่อมวลชนได้รับทราบแล้ว คงไม่เข้าไปมีส่วนร่วมอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า มีการเสนอรายชื่อบุคคลในฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส ตรงนี้ไม่มีใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนไม่เคยเสนอบัญชีใดให้เป็นรัฐมนตรี เมื่อถามว่า ยังคงทำหน้าที่ประสานงานระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้ตนยังทำหน้าที่รักษาการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ประสานงานเรื่องของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหลัก

เมื่อถามว่า แสดงว่า จะเป็นรัฐมนตรีในส่วนพรรคพลังประชารัฐ จะต้องยึด 4 รายชื่อที่พรรคแถลงออกมาใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราต้องดูพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นหลัก แต่ละพรรคต้องเคารพและให้เกียรติพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และเป็นอำนาจของนายกฯ ในการจะรับบุคคลใดร่วมคณะรัฐมนตรี

เมื่อถามอีกว่า ในส่วนของ ร.อ.ธรรมนัส ได้กรอกประวัติแล้วหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนไม่ได้เสนอตัวเอง และเป็นเรื่องของพรรค

เมื่อถามย้ำว่า ที่มีการแจ้งให้กรอกประวัติ ร.อ.ธรรมนัสได้กรอกประวัติหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า กรอกหรือไม่กรอกเป็นหน้าที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เราไปก้าวล่วงเขาไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นทาง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ไม่ได้รับการประสานให้กรอกประวัติ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่าไปพูดถึงบุคคลภายนอก ถ้าเป็นเรื่องของตน ตนตอบได้ แต่ถ้าเรื่องคนอื่น ตนตอบไม่ได้

เมื่อถามว่า ที่มีชื่อนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม และนายอัครา พรหมเผ่า มาเป็นรัฐมนตรี ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ไม่ทราบ

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่า พรรคแกนนำรัฐบาลจะไม่รับรายชื่อในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อันนี้เราตอบแทนไม่ได้ ตนคิดว่าภายในวันศุกร์ที่ 30 ส.ค.จะรู้ผลแล้วว่าพรรคไหนร่วม ไม่ร่วม เดี๋ยวพรรคเพื่อไทยคงแสดงจุดยืนที่ชัดเจน

เมื่อถามอีกว่า ถ้าเป็นลักษณะของการเสนอชื่อบุคคลภายนอกมาเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นอำนาจของนายกฯที่จะเอาคนที่มีความรู้ความสามารถที่จะบริหารบ้านเมืองได้มาเป็น

ต่อข้อถามว่า แสดงว่าข้อกฎหมายที่พรรคพลังประชารัฐงัดขึ้นมา ท้ายที่สุดจะเป็นอำนาจสูงสุดของนายกฯใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ต้องดูว่า พรรคร่วมรัฐบาลเชิญพรรคพลังประชารัฐมาร่วมรัฐบาลหรือไม่ บางครั้งการแถลงข่าวหรืออะไรก็ตาม เหมือนตอนตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งก็แถลงหลายรอบ ท้ายสุดก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่แถลง

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่แกนนำรัฐบาลจะเอาแค่นายอรรถกร ศิริลัทยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพียงคนเดียว และที่เหลือเอาในส่วนของคนนอก ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คนนอกไม่ทราบ พร้อมกับยิ้มและเล่นมุกว่า “แต่นายอรรถกรก็ไม่ทราบเหมือนกัน” ทำให้นายอรรถกร ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มเหมือนกัน

เมื่อถามว่า จะยังคลุมเครือไปแบบนี้อีกนานหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คงไม่เกินวันที่ 30 ส.ค.ก็คงจบ เหมือนกับที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะรักษานายกฯระบุ  

เมื่อถามว่า ตั้งแต่ประกาศอิสรภาพมายังไม่เคยคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อย่างที่เห็นตนอยู่ จ.พะเยา เชียงราย สุโขทัย และกำลังจะไปพระนครศรีอยุธยา เพื่อดูแลเรื่องน้ำ

เมื่อถามย้ำว่า หากแกนนำรัฐบาลไม่เอาพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นอย่างไร ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนอยู่การเมืองมาจนอิ่มตัวแล้ว ในชีวิตตนโตมาจากอีกอย่างหนึ่ง ไม่ได้โตมาจากสายการเมือง

ต่อข้อถามว่า แสดงว่าจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐต่อไปจนกว่าจะออกจากพรรคใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ก็อยู่ไปอย่างนี้ เราก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมก็ไม่ก้าวล่วงใคร แต่ถ้าใครก้าวล่วงผม ผมก็สวนกลับ เป็นหลักการ”

เมื่อถามย้ำว่า ง่าย ๆ คือ รอวันออกใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ไม่ครับ ผมอยู่อย่างนี้ ผมมีมารยาท และผมไม่อยู่กับใคร ไม่ก้าวล่วงใคร แต่ถ้าใครมาก้าวล่วงผม ผมสวนกลับ หลักการของผมมีแค่นี้”

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ระบุว่า อิ่มตัวทางการเมืองแล้ว หมายความว่า จะเปิดโอกาสให้คนใกล้ชิดเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า อิ่มตัวคือ เบื่อแล้วการเมือง