ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า จากสภาพปัจจุบันปัญการทิ้งขยะริมทางตามป่าชุมชน มีให้เห็นตามพื้นที่ป่าต่าง ๆ มากขึ้นซึ่งส่วนใหญ่แล้วเกิดจากความมักง่าย ขาดสำนึกและกระบวนการจัดการที่ถูกวิธีจากปัญหาเรื่องดังกล่าว นายพินิจ  เมืองไทย  กำนันตำบลเชื้อเพลิง  อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ถึงปัญหานี้ว่า ตำบลเชื้อเพลิงมีหมู่บ้านทั้งสิ้น 12  หมู่บ้าน มีพื้นที่ป่าชุมชนชื่อป่าตาเกาว์เนื้อที่กว่า 3,900 ไร่  มีคณะกรรมการป่าชุมชนจากแต่ละหมู่บ้านร่วมกันดูแล ทั้งนี้ป่าชุมชนตาเกาว์เคยได้รับรางวัลการจัดการป่าชุมชนดีเด่น รางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 14 เมื่อปี พ.ศ.2555  มาแล้ว คุณค่าของป่าชาวบ้านและชุมชนใกล้เคียงใช้เป็นทำเลเลี้ยงสัตว์ หาของป่า เช่น เห็ด หน่อไม้ ผลไม้ป่า พืชสมุนไพร ได้ตลอดปี

แต่สิ่งที่เป็นปัญหาตามมาขณะนี้คือการที่ผู้คนนำขยะมาทิ้งขยะในป่า  ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นถุงพลาสติก แพมเพิส เศษอิฐปรักหักพัง เศษศาลพระภูมิมีให้เห็นอยู่เกลื่อนป่า ปัญหาเหล่านี้ได้ทำให้เกิดมลภาวะกับผืนป่าและส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศป่าชุมชนอย่างยิ่ง ตนเองในฐานะกำนัน จึงได้คิดวางแผนงานร่วมกับคณะกรรมการป่าชุมชน และถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก ที่ทางสถาบันลูกโลกสีเขียว ได้ร่วมกับเครือข่ายสุขภาวะภูมินิเวศลำชี โดยการสนับสนุนงบประมาณ จากสำนักสร้างสรรค์โอกาส (สำนัก6) ของ สสส. ได้ให้ทุนสนับสนุนให้ชาวบ้านได้จัดทำโครงการกระบวนการเรียนรู้การจัดการขยะในชุมชนตำบลเชื้อเพลิงขึ้น

ทั้งนี้นายพินิจ  เมืองไทย ได้กล่าว เพิ่มเติมว่า ในกระบวนการจัดการขยะในชุมชน ได้เน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนมากที่สุด ทั้งนี้ โดยจัดทำแผนงานปฏิบัติเป็นบันได 4  ขั้น  โดยขั้นที่หนึ่ง ต้องมีการจัดตั้งคณะทำงานโดยมีผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านเป็นแกนนำหลัก ซึ่งคณะทำงานทุกคนต้องมีความเข้าใจในบทบาทของตน เพื่อสามารถที่จะร่วมผลักดันในโครงการสามารถดำเนินงานไปได้  ขั้นทีสอง คณะทำงานทุกคนต้องประชุมวางแผนงาน กำหนดรูปแบบการทำงาน หาข้อมูล จัดเก็บข้อมูลจากชุมชนทุกครั้วเรือนในเรื่องที่มาของขยะ แต่ละครัวเรือนมีการจัดการขยะกันอย่างไร หลังจากได้ข้อมูลมาแล้ว ก็มาสู่ขั้นที่สาม เป็นการร่วมกันคลี่ข้อมูล นำข้อมูลมาวางแผนในการแก้ปัญหา

ซึ่งได้รับทราบในปัญหาแล้วว่าส่วนใหญ่พี่น้องประชาชนไม่ค่อยใส่ใจในเรื่องการจัดการขยะในครัวเรือน จึงทำให้เกิดปัญหาขยะล้นป่าขึ้น ในขั้นนี้จึงต้องประสานงานกับหน่วยงานอบต.เชื้อเพลิง  รพ.สต.เชื้อเพลิง ซึ่งดูแลเรื่องนี้เข้ามาช่วยในให้ความรู้เรื่องวิธีการจัดแยกขยะให้กับพี่น้อง ได้แก่ขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิลที่ทุกครัวเรือนสามารถจัดเก็บแยกไว้ส่งขายได้   ขยะทั่วไป และขยะอันตราย นอกจากนี้ยังได้ทำการประชาสัมพันธ์เสียงตามสายสร้างความตระหนักให้กับพี่น้องประชาชนได้ตระหนักอยู่ตลอด  อีกทั้งได้จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ติดตามหมู่บ้านและป่าชุมชนในจุดที่มีปัญหา  และขั้นที่สี่ เมื่อดำเนินการไปแล้วคณะกรรมการต้องหันกลับมาทบทวน และพัฒนามาตรการว่าทำอย่างไรการจัดการขยะในชุมชนเราจะยั่งยืนได้ คนทำเป็นนิสัยได้ เรื่องนี้จึงได้ร่วมมือกับ นายชาญณรงค์  สายสนธิ์ นายก อบต.เชื้อเพลิง ทำบันทึกข้อตกลงกับใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านร่วมมือกันบริหารจัดการขยะอย่างถูกต้อง เช่นการทิ้งขยะอันตราย  การตั้งกลุ่มรับซื้อของเก่า ขยะเปียกต้องถูกคัดแยกที่ครัวเรือน เป็นต้น

โดยเมื่อชาวบ้านทุกคนตระหนักในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางแล้ว ก็ไม่เกิดปัญหาขยะล้นป่าอีก แต่ตอนนี้ต้องเฝ้าระวังคนจากถิ่นอื่นที่มักนำขยะมาทิ้งในป่า  ซึ่งได้ร่วมกับ หน่วยงาน อบต.ติดกล้องวงจรปิดไว้ตามเสาริมทาง เมื่อพบเห็นกองขยะทิ้งข้างทางก็สามารถเปิดกล้องวงจรปิดดูและสามารถตามตัวผู้ทิ้งได้ ขณะที่กรรมการส่วนหนึ่งก็จะค้นหาหลักฐานจากกองขยะว่ามีชื่อคนหรือหลักฐานใดปรากฏได้บ้าง และส่วนหนึ่งชาวบ้านที่ไปเลี้ยงวัว เลี้ยงควายในป่าก็ช่วยเป็นหูเป็นตา สามารถโทรแจ้งหรือถ่ายรูปผู้มาทิ้งไว้ได้  โดยที่ผ่านมาฝ่ายปกครองกำนันผู้ใหญ่บ้านได้ดำเนินร่วมมือกันกับ อบต.เชื้อเพลิง จับปรับโทษผู้กระทำความผิดที่มาจากหมู่บ้านอื่นมาแล้วหลายราย ทำให้ขยะในบริเวณป่าลดลงได้อย่างน่าพึงพอใจ

 

ทั้งนี้นายพินิจ  พร้อมคณะกรรมโครงการได้พาผู้สื่อข่าวลงดูพื้นที่ป่าชุมชนด้วย และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จะเสนอให้ อบต.เชื้อเพลิงแบ่งเงินที่ได้จากการจับ ปรับของคนที่มาทิ้งขยะให้กับผู้แจ้งเบาะแสด้วย เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจในการร่วมจัดการขยะในชุมชนให้เกิดความยั่งยืนต่อไปได้